ผมรู้สึกตื่นเต้นและดีใจที่รัฐบาลไทยเข้าใจโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง เมื่อผู้นำมีความเข้าใจในการเปลี่ยนแปลง ก็จะสามารถนำพาประเทศเข้าสู่ยุค 4.0 ได้ หากสามารถทำได้ จะเป็นการเปลี่ยนโฉมหน้าประเทศไทยเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้ก็ถือว่าไม่ช้าจนเกินไป เพราะประเทศไทยยังอยู่ในเส้นทางการแข่งขัน ยังไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ และประเทศไทยเองสามารถนำคนเก่งจากต่างประเทศเข้ามาช่วยขับเคลื่อนได้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับกฎหมายและนโยบายของประเทศว่าจะเอื้อประโยชน์มากน้อยเพียงไร
โลกทุกวันนี้เข้าสู่ยุค 4.0 เทคโนโลยีต่างๆเริ่มสุกงอมและได้เข้ามามีบทบาทกับชีวิตมนุษย์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า รถยนต์ไร้คนขับ นาโนเทคโนโลยี ผลที่ตามมาคือ ทำให้มนุษย์ใช้เวลาทำงานน้อยลง แต่ได้งานมากขึ้น ในยุคนี้มนุษย์เราทำงาน 1 ชั่วโมงแต่เทียบเท่าทำงาน 10 ชั่วโมงในสมัยก่อน เห็นได้ว่า โลกกำลังก้าวไปสู่ยุค 4.0 ในทุกด้าน สำหรับประเทศไทย เป็นประเทศที่เหมาะแก่การทำการเกษตร แต่ประเทศเราไม่ได้ปลูกข้าวได้เพียงอย่างเดียวและไม่จำเป็นต้องทำนามากมาย แต่ประเทศเรายังสามารถปลูกพืชชนิดอื่นๆที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นมังคุด ทุเรียน มะม่วงและมะพร้าว โดยเฉพาะมะพร้าว สามารถส่งไปขายทั่วโลก
ภาคธุรกิจและภาคเกษตรยุค 4.0 ต้องปรับตัวตามทฤษฎี 3 สูง 1 ต่ำ กล่าวคือ ลงทุนสูงโดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี ประสิทธิภาพสูง คุณภาพสูง และต้นทุนต่ำ ในยุค 4.0 จะทำให้มนุษย์หรือเกษตรกรมีชีวิตดีขึ้น เพราะผลผลิตต่างๆจะได้มากขึ้นทวีคูณ อย่างไรก็ตาม การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ การแก้ไขกฎหมาย การวางผังเมืองของภาครัฐ จะต้องดำเนินอย่างถูกต้องควบคู่กันไปด้วย ซึ่งส่วนตัว ก็รู้ว่ารัฐบาลมีแนวทางเหล่านี้ไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้นำไปปฏิบัติอย่างจริงจัง จึงขอฝากรัฐบาลควรเข้าใจอย่างลึกซึ้งและปรับกฎหมายให้เหมาะสมการเกษตรยุค 4.0
เมื่อพูดถึง 4.0 นับเป็นโอกาสของประเทศไทย ถ้ารัฐบาลมีนโยบายแบบนี้ เชื่อว่าคนเก่งๆในโลกนี้และนักธุรกิจจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ดังนั้น มองว่าอีก 10 ปีข้างหน้า คนไทยก็จะร่ำรวยขึ้น อาจจะมีรายได้ต่อหัวเทียบเท่าสิงคโปร์หรืออาจจะต่ำกว่าเล็กน้อย ขณะที่สินค้าเกษตรในยุค 4.0 สินค้าจะเหลือล้น ไม่ใช่ขาดแคลน เงินเฟ้อจะหายไป มีแต่เงินฝืด สิ่งนี้ ต้องฝากถึงรัฐบาลด้านการเงินการคลังให้ลองไปศึกษาดู โดยในยุค 4.0 การผลิตจะเกิดขึ้นมากมาย เทคโนโลยีเข้ามาในประเทศ ทำให้คนทำงานน้อยลง แต่ได้รับผลผลิตหลาย 10 เท่า หรืออาจจะหลาย 100 เท่าก็เป็นไปได้ อีกด้าน ยุคสมัยนี้ใช้หุ่นยนต์ทำงานอย่างมหาศาล โดยหุ่นยนต์เข้ามาช่วยผ่อนเบางานที่ยากลำบากและเหน็ดเหนื่อยของมนุษย์ ทำให้มนุษย์มีเวลามากขึ้น มีโอกาสทำธุรกิจอะไรมากขึ้น สบายขึ้นและรายได้มากขึ้น
การเปลี่ยนแปลงของโลกยุค 4.0 มีทั้งวิกฤติและโอกาสในเวลาเดียวกัน วิกฤติก็คือ บริษัทที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงหรือเปลี่ยนแปลงไม่ทัน ท้ายสุดก็อาจต้องล้มละลายไป แต่ส่วนตัวมองว่า มีโอกาสมากกว่าวิกฤติ ในฐานะที่เป็นนักธุรกิจ ก็ต้องก้าวให้ทันโลก โดยยุคสมัยนี้ เป็นยุคของพวกหนุ่มสาวยุคใหม่ พวกเราต้องฟังคนหนุ่มสาว ต้องใช้คนหนุ่มสาวให้เต็มที่เพราะพวกเขามีความรู้มากกว่าพวกเรา พวกเขามีวิธีหาความรู้ต่างๆมากมายและทำงานหนัก พวกเราต้องสนับสนุนให้พวกเขาคิดนอกกรอบ ให้โอกาสและให้แสดงออกได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ คนรุ่นใหม่ยังต้องการทำธุรกิจของตัวเอง หรือสตาร์ทอัพ ซึ่งเป็นเทรนด์ของโลกสอดคล้องกับแนวทางของเครือเจริญโภคภัณฑ์ พวกเราสร้างศูนย์ฝึกผู้นำขึ้นมา พยายามผนึกกำลังบุคลากรในเครือฯ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ แลกเปลี่ยนเทคโนโลยีใหม่ๆ ของโลกที่เกิดขึ้น ซึ่งในแต่ละปีต้องสร้างคนหนุ่มสาวไม่น้อยกว่า 2,000 คนสู่ธุรกิจบริการ
ในฐานะที่อยู่ภาคเกษตร วันนี้ยังได้ทำโครงการวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด 4 โครงการ กับดูปองท์อีก 5 โครงการ และสำคัญที่สุดซีพีกำลังสร้างคนเก่ง สร้างสินค้าให้กระจายไปทั่วโลก เพราะต่อไปโลกจะไม่มีขอบเขต แต่ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเราจะสร้างสินค้าอย่างไร ผลิตสินค้าอะไร แล้วในแต่ละประเทศต้องการสินค้าอะไร
ตอนนี้โลกพร้อม คนเก่งๆในโลกมีเยอะ ใครๆก็อยากมาอยู่เมืองไทย ขอให้เมืองไทยสร้างกฎหมาย สร้างบรรยากาศเอื้อให้คนเก่งเข้ามา ต่อไปชาวนาจะมีเกียรติ ทำงานน้อยลง สบายมากขึ้น ไม่ใช่หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินอีกต่อไป
หมายเหตุ : งานสัมมนา “Opportunity Thailand 2017” หรือ “โอกาสกับประเทศไทย 2560” จัดขึ้นโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2560 ณ ห้องรอยัลจูบิลี่ อาคารชาแลนเจอร์ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็คเมืองทองธานี โดยในงานนี้มีการเสวนาของนักธุรกิจชั้นนำจากประเทศไทยและต่างประเทศในหัวข้อ “สร้างประเทศไทย 4.0 ให้เป็นจริงได้อย่างไร” เมื่อเวลา 13.35 – 15.10 น. ผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย คุณธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด คุณกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการบริหาร บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (เอสซีจี) คุณปิแอร์ เจฟเฟอร์ ประธานเอเชียแปซิฟิก แอร์บัส กรุ๊ป คุณจอย ทาน ประธานฝ่ายสื่อสารองค์กร หัวเว่ย เทคโนโลยี และนายคาโอรุ คุราชิมะ ประธานบริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ ประเทศไทย จำกัด โดยมีคุณบัญชา ชุมชัยเวทย์ จากรายการจอโลกเศรษฐกิจ สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เป็นผู้ดำเนินการเสวนา