ในงาน “Thailand Business Leadership for SDGs 2020” GCNT จัดโดยสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย เครือข่ายความยั่งยืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ได้จัดเวทีระดมความคิดผู้นำธุรกิจเพื่อสร้างความยั่งยืน ฟื้นฟูเศรษฐกิจ สร้างรากฐานความยั่งยืน หลังโควิด-19 ซึ่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดงานพร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “วิถีคิดผู้นำในสถานการณ์วิกฤติ ประสบการณ์จากสถานการณ์ COVID-19” โดยมีคุณศุภชัย เจียรวนนท์ ในฐานะนายกสมาคมเครือข่ายโกลบอล คอมแพ็กประเทศไทย กล่าวต้อนรับ
@นายกฯชู GCNT คือแนวร่วมสำคัญในการพัฒนาประเทศสู่ความยั่งยืน
ในการนี้นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง การสร้างความรับผิดชอบร่วมกันของทุกคนในโลกนี้จะต้องความตระหนักถึงหลักสิทธิมนุษยชนเป็นสิ่งสำสำคัญในการวางรากฐานที่เข้มแข็งแก่สังคม และเศรษฐกิจ ถือเป็นหลักการสำคัญที่ทุกฝ่ายต้องปฏิบัติในการมองสังคมและสิ่งแวดล้อม หลักสิทธิมนุษยชน และไม่แสวงหาผลกำไร โดย GCNT เป็นการสร้างความร่วมมือที่สำคัญของรัฐบาล ในการผลักดันด้านความยั่งยืน SDGs ทั้งนี้ขอบคุณหน่วยงาน GCNT ซึ่งมีบทบาทในการขับเคลื่อนธุรกิจไปพร้อมกับหลักสิทธิมนุษยชน ซึ่งที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคม เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ซึ่งกันและกัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ในสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 จำเป็นที่ธุรกิจต้องปรับตัวเป็น New Normal ผู้นำทุกองค์กร และรัฐ จะต้องปรับตัวก้าวสู่โลกวิถีปกติใหม่ ซึ่งไม่สามารถทำแบบเดิมได้อีกต่อไป โดยรัฐบาลประกาศแล้วจะเร่งปรับปรุงวิธีทำงาน วิถีแบบ New Normal ได้ผนึกกำลังทุกภาคส่วนวางแผนอนาคตประเทศไทยร่วมกัน ที่จะมีบทบาทในการช่วยกำหนดอนาคตประเทศ ทุกภาคส่วนเข้าเสนอวิสัยทัศน์แนวคิดขับเคลื่อนประเทศไทยได้เพราะเราไม่สามารถทำงานแบบเดิมได้ จึงต้องทำงานบูรณาการระหว่างหน่วยงานรัฐอย่างแท้จริงเพื่อให้ผลงานปรากฎมากขึ้น ดังนั้นสิ่งเหล่านี้ต้องบูรณาการแผนเงิน แผนคน ซึ่งรัฐบาลเน้นและกำหนดนโยบายสำคัญเร่งด่วน และสร้างประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมให้ประชาชนให้กระทรวงต่างๆต่อยอดนำไปสู่ความเป็นรูปธรรมและทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
@วิกฤตโควิด-19 ยิ่งตอกย้ำการบริหารประเทศยึดหลักการความยั่งยืน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวึงวิกฤตโควิด-19 ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงการบริหารประเทศอย่างยั่งยืน โดยการนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาพัฒนาประเทศให้เข้มแข็งและให้ความสำคัญพัฒนาคน และจะต้องไม่ทิ้งใครไปด้วยกัน เมื่อทุกคนมีภูมิต้านทานจะเห็นความยั่งยืนอย่างแท้จริง โดยวันนี้การทำให้ประเทศไทยรอดพ้นความท้ายทายจากปัญหาต่างๆ รัฐบาลต้องดึงศักยภาพประเทศออกมา แลระดมความคิดเห็นภาครัฐ ทุกภาคส่วน มาช่วยขับเคลื่อนฟื้นฟูประเทศต้องดีกว่าเดิม และระยะต่อไปทุกภาคส่วนต้องรวมพลังรวมไทยสร้างชาติ
“ท่ามกลางวิกฤตผมคิดว่าเราจะต้องรอดและวันหน้าต้องเข้มแข็งมากกว่าเดิม ประเทศไทยต้องฝ่าฟันด้วยกัน เราและโลกมีเป้าหมายชัดเจนรอข้างหน้าคือเป้าหมายยั่งยืนในปี 2030 เรามีเวลาเหลือมไม่มาก ผมเชื่อมั่นในประเทศไทยและคนไทยที่ร่วมมือความสำเร็จและก้าวหน้าจะอยู่ไม่ไกล ขณะเดียวกันก็ต้องชื่นชมบทบาทภาคเอกชนและทุกภาคส่วนในการบรรลุ SDGsด้วย”นายกรัฐมนตรีกล่าว
@มอง 3 จุดสำคัญที่เป็นความท้าทายของประเทศ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า วันนี้สิ่งที่ต้องมองไปข้างหน้าคือ 1.การแพร่ระบาดของโควิด-19 สะท้อนให้เห็นความสำคัญของระบบสาธารณสุขที่ต้องเข้มแข็ง ที่ผ่านมาระบบไทยมี อสม.เป็นส่วนสำคัญและควบคุมการแพร่ระบาดได้มีประสิทธิภาพ 2.การรับมือกับความท้าทายด้านเศรษฐกิจ เราต้องบรรเทาผลกระทบแก่ประชาชนอย่างเร่งด่วนต่อเนื่อง ที่ผ่านมารัฐบาลได้เร่งออกมาตรการช่วยเหลือเยียวยาประชาชน ด้วยงบประมาณกว่า 1 ล้านล้านบาท เพื่อบรรเทาความเดือนดร้อนและฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับความดือดร้อนแตกต่างกัน เพื่อให้เกิดสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจ 3.วิกฤตครั้งนี้ได้นำประเทศไทยไปสู่ความเปลี่ยนแปลง และวางแผนฟื้นตัวอย่างยั่งยืนในรูปแบบ New Normal ที่เสริมสร้างความยั่งยืนของมุนษย์ การดูแลสิ่งแวดล้อมและใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและบริหารจัดการผลกระทบการพัฒนาเศรษฐกิจต่างๆ ทั้งโลกร้อน ขยะทางทะเล การจัดการทางชีวภาพ เป็นต้น
@ชู BCG Economy พัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า การพัฒนาไทยตอนนี้ต้องมุ่งเน้นไปที่ประเด็นความยั่งยืน โดยมีส่วนร่วมทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนไทยไปข้างหน้า โดยเมื่อรัฐบาลมองการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนอย่างไรก็ขอให้เอกชนพัฒนาแผนธุรกิจให้สอดคล้องเช่นกันเพื่อพัฒนาประเทศชาติและอนาคตให้ลูกหลาน ซึ่งเรามีทิศทางพัฒนาเศรษฐกิจในรูปแบบ BCG Economy หรือ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว เป็นการน้อมนำเอาหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ เพื่อสร้างความยั่งยืน เข้มแข็งภายในประเทศไทย พร้อมเชื่อมไทยสู่โลก เดินหน้าไปด้วยกัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังเป็นการมองเห็นศักยภาพไทยได้ชัดเจนขึ้น และอาศัยรากฐานแข็งแกร่งของประเทศ มาต่อยอดพัฒนา หันมาสู่การอนุรักษ์และใช้ประโยนคุ้มค่า เน้นการบูรณาการและใช้องค์ความรู้ทางเทคโนโลยี การใช้นวัตกรรมและภูมิปัญญาไทยและอยากให้เอกชนตอบสนองนโยบายนี้ เพื่อความมั่นคงทางอาหาร สาธารณสุข พลังงาน หลักประกันการมีงานทำ และความยั่งยืนธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ทั้งหมดนี้จะนำไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ นายกฯ ยังได้นำเสนอโครงการอื่นๆที่น่าสนใจ อาทิ จีโนมิกส์ไทยแลนด์ การจัดทำบิ๊กดาต้า บริหารจัดการข้อมูลคนยากจนแบบชี้เป้าเพื่อให้ครอบคลุมและระบุปัญหาความยากจนได้ตรงตามต้องการตรงสภาพปัญหาเพื่อนำมาสู่การแก้ไขยกระดับผลผลิตภาคเกษตรแบบพุ่งเป้าเพื่อบริหารจัดการทรัพยากรให้สอดคล้องแต่ละพื้นที่ แผนการจับเก็บข้อมูลเพิ่มเติมโอทอป แหล่งท่องเที่ยว การเข้าถึงบริการภาครัฐ สำหรับการลงทุน ภาครัฐขอให้เอกชนขยายการลงทุนไปท้องถิ่น เพื่อกระจายรายได้ และดึงศักยภาพท้องถิ่นขึ้นมา เพิ่มโอกาสเศรษฐกิจไทยในเวทีโลก สร้างโอกาสอาศัยความเข้มแข็งภายใน พึ่งพาข้างนอกน้อยลง โดยเฉพาะสาขาที่เราศักยภาพสูง เช่น ความมั่นคงอาหาร
พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้เสนอจุดมุ่งเน้นสำคัญในอนาคต อาทิ การให้ความสำคัญกับภาคเกษตรเพื่อการวิจัยพัฒนาต่อเนื่องระยะยาว มุ่งเน้นคัดกรองงานวิจัยที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ และเป็นที่ต้องการเวลานี้ โดยงานวิจัยที่รับรองมาตรฐานแล้วสิ่งสำคัญคือต้องนำไปสู่การผลิตและส่งออกต่างประเทศ นอกจากนี้จุดแข็งของไทย คือการเน้น Creative Economy อาทิ ด้านอาหารและเอกลักษณ์ของชุมชนท้องถิ่น วัฒนธรรม ที่ต้องสร้างให้มีคุณภาพมากกว่าปริมาณ นำจุดแข็งด้านวัฒนธรรมของประเทศมาปรับใช้ส่งเสริมการท่องเที่ยว ตลอดจนสนับสนุน Local Startup มาเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ รวมทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพด้านสาธารณสุขที่เน้นเรื่องผลิตภัณฑ์การแพทย์ และยา ต้องบูรณาการและพัฒนาการแพทย์ให้ครบวงจรอย่างแท้จริง เพื่อสร้างจุดแข็งในภูมิภาค นอกจากนี้ยังต้องเร่งพัฒนาระบบการคมนาคมขนส่งเชื่อมโยงในประเทศ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในประเทศให้มากขึ้น
@ผนึกความร่วมมือทุกภาคส่วนสร้างโครงการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่มั่นใจว่าประเทศไทยจะไปข้างหน้าได้เร็วขึ้นคือ ความร่วมมือของเราทุกคนและมีความคิดดีๆมีพละกำลังที่จะช่วยประเทศชาติโดยไม่มีข้อแม้ โดยการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืนนั้นต้องการความร่วมมือทุกภาคส่วน มีการพัฒนาที่ครอบคุลมไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยเราทุกคนมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือขับเคลื่อนประเทศให้ดีขึ้น จึงขอร่วมเชิญพี่น้องคนไทยทุกคนรวมไทยสร้างชาติไปด้วยกัน วันนี้วิกฤตจากโควิด-19 ที่เกิดขึ้น จะยิ่งทำให้เรายิ่งแข็งแกร่งและรวมไทยไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืน
"ทุกอย่างต้องขับเคลื่อนไปด้วยกัน และเรามีบทบาทสำคัญในประชาคมโลกเพื่อทำให้เกิดความยั่งยืนไปด้วยกัน เราคนไทยต้องคิดใหม่ทำใหม่สร้างสรรค์วิธีการทำงานเพื่อก้าวข้ามวิกฤตนี้ไปด้วยกัน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในที่สุด
อ่านเพิ่มเติม: สรุปประเด็นคุณศุภชัย เจียรวนนท์ ในฐานะนายกสมาคมเครือข่ายโกลบอล คอมแพ็กประเทศไทย กล่าวต้อนรับนายกฯ ในงาน “Thailand Business Leadership for SDGs 2020” http://www.cp-enews.com/news/details/cptalk/4640