เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์บลูมเบิร์ก เผยดัชนีความทุกข์ยากประจำปี 2563 ซึ่งประเมินจากตัวเลขอัตราเงินเฟ้อและการว่างงานใน 60 เศรษฐกิจทั่วโลก ณ วันที่ 27 ก.ค.2563 พบว่าไทยยังครองอันดับ 1 ประเทศที่มีเศรษฐกิจทุกข์ยากน้อยที่สุดในโลก และเป็นการครองอันดับ 1 ในดัชนีนี้เป็นปีที่ 4 ติดต่อกันตั้งแต่ปี 2560
บลูมเบิร์กอธิบายถึงการจัดทำดัชนีดังกล่าวว่า เป็นการคำนวณโดยอาศัยกรอบแนวคิดเดิมที่ว่าอัตราเงินเฟ้อและการว่างงานที่ต่ำ โดยทั่วไปแล้วจะสะท้อนความรู้สึกของประชาชนที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจนั้น ๆ
ดัชนีของบลูมเบิร์กระบุว่า การจัดทำตัวเลขอัตราว่างงานของไทยแตกต่างจากประเทศอื่น จึงมีความสำคัญไม่มากเท่าพัฒนาการของไต้หวันที่ไต่ขึ้น 2 อันดับมาอยู่อันดับ 6 หรือสิงคโปร์ที่ขึ้นจากอันดับ 3 ปีที่แล้วมาอยู่อันดับ 2 ในปีนี้
ขณะที่สหรัฐซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก ร่วง 25 อันดับจากประเทศที่มีเศรษฐกิจทุกข์ยากน้อยที่สุดอันดับ 10 ปีที่แล้วมาอยู่ที่อันดับ 35 ในปีนี้ ตอกย้ำว่าการระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปีสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจมากเพียงใด
อันดับที่ร่วงหนักของสหรัฐมีขึ้นในช่วงที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังต่อสู้ทุกวิถีทางเพื่อชนะการเลือกตั้งอีกสมัยช่วงปลายปีนี้ ขณะที่ชาวอเมริกันหลายล้านคนยังคงตกงาน