• หน้าแรก
  • คุยกับ CP
  • ข่าวเศรษฐกิจ - ธุรกิจ
  • CP เพื่อสังคมที่ยั่งยืน
  • ข้อเท็จจริง CP
  • แวดวง CP
  • เปิดหน้าต่างมองโลก
  • วิดีโอ
  • วารสารบัวบาน
  • ติดต่อเรา

เทรนด์ท่องเที่ยวมาแรงปี 2020 เที่ยวโดยไม่ใช้พาสปอร์ต-สายกรีน-จัดทริปในประเทศ-มือถือคือหัวใจสำคัญ


08 มกราคม 2563

อโกด้า แพลตฟอร์มการท่องเที่ยวดิจิทัล สำรวจถึงแนวโน้ม “การท่องเที่ยวในทศวรรษ 2020” ซึ่งพบกับเทรนด์ที่น่าสนใจหลากหลาย โดยเป็นผลมาจากความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี ที่เข้ามาช่วยให้การเดินทางทั้งในประเทศและต่างประเทศง่ายและสะดวกสบายมากขึ้น ขณะเดียวกันยังพบแนวโน้มการท่องเที่ยวแบบ “รักษ์โลก” มากขึ้นด้วย โดยเราขอสรุปเป็น 5 เทรนด์สำคัญ ดังต่อไปนี้

 

  1. สมาร์ทโฟนและแอปพลิเคชั่น คือ ทุกสิ่งสำหรับการเดินทาง

ปัจจุบันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น แอปพลิเคชั่นการท่องเที่ยว และสัญญาณการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่ดีขึ้น ส่งผลให้ “นักเดินทาง” คาดหวังเกี่ยวกับการท่องเที่ยวมากขึ้น โดยเฉพาะนักเดินทางชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยกว่า 50% ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมดในประเทศอินโดนีเซีย 56% ประเทศสิงคโปร์ 54% ประเทศมาเลเซีย 53% ไต้หวัน 50% ประเทศฟิลิปปินส์ 48% และประเทศไทย 48% 

พวกเขามีความเห็นตรงกันว่า ต้องการใช้สมาร์ทโฟนและเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้การเดินทางง่ายขึ้น เช่น ต้องการแอปพลิเคชั่นเดียวสำหรับทุกความต้องการในการเดินทาง, ต้องการการเดินทางโดยไม่ใช้พาสปอร์ต และต้องการเช็คอินผ่านแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ทั้งหมดนี้จะกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับการเดินทางในทศวรรษ 2020 ซึ่งเมื่อเทียบกับในสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกาแล้ว มีนักเดินทางเพียง 1 ใน 3 หรือ 33% เท่านั้นที่เห็นด้วย

ขณะเดียวกันพบว่า 1 ใน 2 ของนักเดินทางชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คาดหวังว่าจะเช็คอินเข้าที่พักผ่านแอปพลิเคชันได้ เพื่อไม่ต้องเสียเวลาเข้าคิวเช็คอินที่ล็อบบี้ เพราะสามารถดาวน์โหลดคีย์การ์ด และเช็คอินเข้าห้องพักได้ทันที โดยนักเดินทางจากสิงคโปร์ 54% ฟิลิปปินส์ 53% มาเลเซีย 58% และไทย 49% เป็น 4 ประเทศที่คาดหวังให้เทรนด์แห่งนวัตกรรมเพื่อการท่องเที่ยวนี้มีการใช้งานอย่างแพร่หลายมากที่สุด

  1. เดินทางโดยไม่ใช้พาสปอร์ต

การสำรวจครั้งนี้ อโกด้ายังทำให้พบกับเทรนด์ใหม่ที่น่าสนใจอย่าง การเดินทางโดยไม่ใช้พาสปอร์ต พบว่า นักเดินทางจาก 5 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ 50% เวียดนาม 47% ฟิลิปปินส์ 45% จีน 44% และออสเตรเลีย 41% เป็นประเทศที่คาดหวังจะได้เห็นเทรนด์นี้มากที่สุด แต่ในทางตรงข้าม มีเพียง 1 ใน 5 ของนักเดินทางจากสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ที่คาดว่าการเดินทางโดยไม่ใช้พาสปอร์ตจะกลายเป็นเรื่องปกติในทศวรรษหน้า

  1. เน้นท่องเที่ยวในประเทศ

นอกจากนี้ ความต้องการท่องเที่ยวมากขึ้นจากนักเดินทางทั่วโลก สะท้อนผ่านตัวเลข 40% ของกลุ่มนักเดินทางอายุ 35-44 ปี และมากกว่า 55 ปีขึ้นไป ที่แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มความต้องการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศของตนเองมากขึ้น 40% และ 42% ตามลำดับ โดยนักเดินทางจากประเทศจีน อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน ไทย สหรัฐอเมริกา และประเทศเวียดนาม ได้เลือกจุดหมายปลายทางในประเทศเป็น 1 ใน 3 อันดับแรกบนรายการจุดหมายปลายทางที่ตนอยากไปในทศวรรษหน้า

ขณะที่อีก 35% ที่ต้องการเดินทางในต่างประเทศมากขึ้น โดยนักเดินทางชาวเกาหลีและญี่ปุ่น มีแนวโน้มที่จะเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวมากขึ้นในทศวรรษหน้า ส่วนนักเดินทางชาวไต้หวันและอินโดนีเซีย มีแนวโน้มจะเดินทางช่วงจบการศึกษาเพื่อค้นหาตัวเองก่อนศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยหรือวางแผนอื่นๆ ในอนาคต

  1. นักเดินทาง 1 ใน 4 มองหาการเดินทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

นักเดินทางมากกว่า 1 ใน 4 ยังต้องการทางเลือกในการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยเฉพาะนักเดินทางจากประเทศสิงคโปร์ ไทย และอินโดนีเซีย ที่มีความกระตือรือร้นในการเลือกแผนการเดินทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งสืบเนื่องมาจากข่าวการปิดอ่าวมาหยาในประเทศไทย และเกาะโบราไกย์ (Boracay island) ในประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อฟื้นฟูธรรมชาติเมื่อไม่นานมานี้ ทำให้นักเดินทางอยากมีส่วนร่วมช่วยรักษ์โลกขณะท่องเที่ยว 

  1. เกียวโต กรุงเทพ และบาหลี จุดหมายที่ผู้คนอยากไปเยือนมากที่สุด

สำหรับจุดหมายปลายทางที่นักเดินทางอยากไปเยือนมากที่สุดในโลกทศวรรษ 2020 นั้นอยู่ในทวีปเอเชีย โดยนักทางเดินทางทั้งจากเอเชียและตะวันตก ต่างอยากมาสัมผัสและสำรวจเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นสมบัติของทวีปเอเชีย อาทิ เมืองเกียวโต ในประเทศญี่ปุ่น ที่มีศาลเจ้าชินโต วัฒนธรรม อาหาร และประวัติศาสตร์อันเลื่องชื่อ ตามมาด้วยกรุงเทพมหานคร และเกาะบาหลี ในประเทศอินโดนีเซีย

นักเดินทางจากประเทศฟิลิปปินส์ ประเทศไทย ไต้หวัน ประเทศเวียดนาม และประเทศมาเลเซีย ต่างต้องการไปเที่ยวที่อื่นมากกว่าที่เมืองหลวงของประเทศตัวเอง ขณะเดียวกันนักเดินทางจากประเทศเกาหลีใต้ สหราชอาณาจักร และประเทศออสเตรเลีย เป็น 3 ประเทศที่ไม่ได้เลือกที่เที่ยวในประเทศเป็นจุดหมายปลายทางในทศวรรษหน้า

ข้ามไปยังฝั่งตะวันตก นักเดินทางชาวอเมริกันและชาวอังกฤษ อยากไปท่องเที่ยวที่มหานครนิวยอร์กมากที่สุด ซึ่งมหานครนิวยอร์กก็เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับนักเดินทางจากประเทศออสเตรเลีย ประเทศญี่ปุ่น และประเทศเกาหลีใต้ ส่วนนักเดินทางทั้งชาวมาเลเซีย และอินโดนีเซีย ต้องการไปเยือนกรุงมักกะฮ์ให้ได้ก่อนปี 2030

เปิดเทรนด์ท่องเที่ยวของนักเดินทางไทย

หากเจาะเฉพาะข้อมูลของ “นักเดินทางชาวไทย” พบว่า นักเดินทาง 49% มองว่าการใช้สมาร์ทโฟนเพื่อเช็คอินเข้าที่พักจะกลายเป็นเรื่องปกติในทศวรรษ 2020 โดย 39% ของคนไทยคาดว่าจะสามารถใช้แอปพลิเคชั่นเดียวสำหรับการเดินทางได้

นอกจากนี้แล้ว 32% ของนักเดินทางชาวไทย ยังต้องการทางเลือกในการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดย 36% ของนักเดินทางชาวไทยมองหาการท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก ขณะที่ 30% ต้องการไปท่องเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับ 1 คือ ​“กรุงเทพมหานคร” ตามมาด้วยด้วย “เกียวโต” และ “ภูเก็ต” 

อโกด้าชี้ปี 2020 ยุคทองของนักเดินทาง

อย่างไรก็ดี อโกด้า เชื่อว่า ในทศวรรษ 2020 ที่จะมาถึงนี้ จะเป็นยุคทองของนักเดินทาง เนื่องจากเทคโนโลยีได้สร้างผลกระทบในเชิงบวก เป็นผลจากการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้ทุกคนสามารถค้นหา จอง และจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินและที่พักได้ง่ายขึ้น เพราะถ้าหากย้อนเวลากลับไปเมื่อทศวรรษ 2000 เรามีเมาส์และคอมพิวเตอร์ที่ทำให้การจองตั๋วเครื่องบิน และที่พักออนไลน์ง่ายขึ้นเพียงไม่กี่คลิก

ก่อนที่ในทศวรรษ 2010 ก็มีสมาร์ทโฟนและแอปพลิเคชั่น รวมไปถึงมีเครื่องมือทรงพลัง อย่าง การเก็บข้อมูล และแมชชีน เลิร์นนิ่ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยี AI โดยสิ่งนี้เข้ามาช่วยให้บริษัททราเวลเอเย่นต์ต่างๆ อย่างเช่น อโกด้า สามารถแนะนำสินค้าและบริการที่มีความเฉพาะเจาะจงกับแต่ละบุคคล (Personalized) และเกี่ยวข้องกับความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น ทำให้การจองบริการต่างๆ สำหรับการเดินทางกลายเป็นเรื่องง่าย

“นักเดินทางมีความกระตือรือร้น และคาดหวังที่จะเห็นการพัฒนาเทคโนโลยีที่จะยกระดับ และทำให้การเดินทางเป็นเรื่องง่ายขึ้น โดยเฉพาะนักเดินทางชาวเอเชีย ปัจจุบันหลายบริษัทในทวีปเอเชียกำลังเป็นผู้นำของโลกในด้านการนำเทคโนโลยีมาใช้และพัฒนาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ ผมหวังว่าจะได้เห็นทวีปเอเชียก้าวขึ้นเป็นผู้นำในเรื่องนี้ในทศวรรษ 2020 โดยเฉพาะในด้านวิดีโอ และเทคโนโลยีเสมือนจริง AR (Augmented Reality) การปรับปรุงและพัฒนาแอปพลิเคชันและบริการสำหรับโทรศัพท์มือถือด้วยแชทและเสียง รวมถึงการชำระเงินออนไลน์” คุณทิโมธี ฮิวจ์ส รองประธานฝ่ายพัฒนาองค์กรของอโกด้า กล่าวทิ้งท้าย

ที่มา - Brandbuffet

ข่าวยอดนิยม

ทิศทางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12...

09 ตุลาคม 2558
11000

การวัดผลกระทบจากสินค้า Product Environmental Footprint (PEF)...

02 กุมภาพันธ์ 2558
4215

มุมมองต่อบรรจุภัณฑ์ของผู้บริโภคกลุ่ม Millennials ในยุโรป...

18 มีนาคม 2558
4131

รู้จักเทคโนโลยี “สวนแนวตั้ง” ปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ปิด แก้ปัญหาเผ...

15 พฤศจิกายน 2563
3652

แชร์ข่าวสาร

รายงานพิเศษ GCNT ธุรกิจกับผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนประเด็นร้อน... นักวิจัย Google Health พัฒนา AI ที่สามารถวินิจฉัยโรคมะเร็งเต...

ข่าวที่น่าสนใจ

อ่านข่าวทั้งหมด อ่านข่าวทั้งหมด

3 เทคนิคซื้อสินค้ารักษ์โลก: จะช่วยโลกทั้งที ต้องคิดให้ดี มองให้ไกลกว่า...

12 มกราคม 2564
258

ตกลงต้องโหลดไหม ? ไขข้อข้องใจ ‘หมอชนะ’ แอปนี้จะพาเราชนะ COVID-19 ได้หร...

07 มกราคม 2564
446

รู้จัก "วัคซีนโควิด-19" ที่ผ่านการทดลอง 3 กลุ่ม เหมือนหรือแตกต่างกันอย...

06 มกราคม 2564
175

4 เทคนิคเพิ่ม Productivity สร้างสภาพแวดล้อมดีๆ พร้อมทำงานที่บ้านฉบับ M...

05 มกราคม 2564
577

เครือเจริญโภคภัณฑ์
Copyright 2016.
Privacy Policy | Rules & Regulations

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง

  • ความรู้คู่คุณธรรม: www.truepookpanya.com
  • CP-Enews ปี 2013: news.cpfworldwide.com
  • CP-Enews ปี 2012: www.cpthailand.com/enews

ติดต่อเรา

สำนักกิจกรรมสื่อสารองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์ เลขที่ 18 อาคาร ทรู ทาวเวอร์ ชั้น 25 ถนนรัชดาภิเษก แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10310

  • โทรศัพท์ : 02-858-6286 / 02-858-2564 / 02-858-3721-2
  • โทรสาร : 02-858-3726
  • อีเมล์ : prcpgroup@cp.co.th