เมื่อวันที่ 1 มกราคม ที่ผ่านมา เกาหลีใต้ได้เริ่มใช้ระบบการจำกัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHGs) ที่เรียกว่า cap-and-trade แล้ว ทำให้เกิดตลาดการซื้อขายคาร์บอนแห่งใหม่ที่มีขนาดใหญ่ลำดับที่ 2 ของโลก (รองจากตลาดค้าคาร์บอนของสหภาพยุโรป)
ระบบ cap-and-trade ของเกาหลีใต้จะครอบคลุมผู้ประกอบการ 525 ราย (ซึ่งปล่อย GHGs ราว 65% ของประเทศ) ใน 23 สาขา เช่น โรงไฟฟ้า, บริษัทต่อเรือ, บริษัทผลิตรถยนต์, บริษัท ปิโตรเคมี, บริษัทผลิตเหล็ก, และบริษัทผลิตอิเล็คทรอนิกส์ รวมถึงสายการบิน, มหาวิทยาลัย และฟาร์มปศุสัตว์ขนาดใหญ่
ทั้งนี้ เกาหลีใต้ซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 4 ของเอเซีย และปล่อย GHGs มากลำดับที่ 7 ของโลก (รองจากจีน, สหรัฐฯ, อินเดีย, รัสเซีย, ญี่ปุ่น และเยอรมัน) ได้ตั้งเป้าลดการปล่อย GHGs ลง 30% จากการปล่อยตามปกติ (BAU) (หรือราว 4% จากปี 2005) ภายในปี 2020
อนึ่ง ในปี 2020 จีนจะใช้ระบบ cap-and-trade ในระดับประเทศ (จากปัจจุบันที่ใช้ใน 7 พื้นที่/มณฑล) ซึ่งจะทำให้จีนเป็นตลาดค้าคาร์บอนขนาดใหญ่ที่สุดของโลกแทนสหภาพยุโรป