บริษัทวิจัย Neilsen ได้ออกรายงานเรื่อง It's clear : Transparency is winning in the US retail market ชี้ว่าผู้บริโภคในสหรัฐฯสนใจในรายละเอียดของอาหารและเครื่องดื่มมากขึ้น และยินดีจ่ายเงินสำหรับอาหารที่ติดฉลากแสดงถึงความยั่งยืน
จากการสำรวจของ Neilsen พบว่า
- 73% รู้สึกดีต่อ Brand ที่แบ่งปันข้อมูลเบื้องหลังของอาหาร
- 68% ยินดีจ่ายเงินเพิ่มขึ้นสำหรับอาหารที่ไม่มีผสมที่พวกเขาเชื่อว่าไม่ดีสำหรับเขา
- 53% เห็นว่าการไม่ใช่ส่วนผสมที่ไม่ต้องการมีความสำคัญกว่าการใส่ส่วนผสมที่มีประโยชน์
นั่นคือ อาหารประเภท free-from มีอิทธิพลต่อการเลือกซื้ออาหาร
Neilsen ยังพบว่าในปี 2016 อาหารที่ติดฉากแสดงความยั่งยืน (เช่น fair trade และฉลากอินทรีย์) มีอัตราการเติบโตสูง (+7.2%) รองลงมา คือ อาหารที่ติดฉลากประเภท free-from (เช่น ปลอดฮอร์โมน ปลอดยาปฎิชีวนะ และปลอดสีสังเคราะห์) และอาหารที่ติดฉลากประเภท clean (เช่น ไม่มีส่วนผสมสังเคราะห์) ซึ่งเติบโต 1.2% ส่วนอาหารที่ติดฉลากแบบทั่วไปกลับมีอัตราการเติบโตลดลง (-0.3%)
ด้วยเหตุนี้ ผู้ผลิตอาหารจึงปรับตัวมาผลิตอาหารที่ติดฉลากเพื่อสนองความต้องการด้านความโปร่งใสของผู้บริโภคมากขึ้น โดย Neilsen พบว่า ในปี 2016 มีจำนวนอาหารที่อ้างว่า “ไม่มีสารสังเคราห์” เพิ่มขึ้น 3.6% อาหารที่อ้างว่า “ไม่ใส่สารปรุงแต่งสังเคราะห์” เพิ่มขึ้น 8% และอาหารที่อ้างว่า “ธรรมชาติ” เพิ่มขึ้น 7.8%