• หน้าแรก
  • คุยกับ CP
  • ข่าวเศรษฐกิจ - ธุรกิจ
  • CP เพื่อสังคมที่ยั่งยืน
  • ข้อเท็จจริง CP
  • แวดวง CP
  • เปิดหน้าต่างมองโลก
  • วิดีโอ
  • วารสารบัวบาน
  • ติดต่อเรา

“ซีอีโอ เครือเจริญโภคภัณฑ์” ติวเข้มสร้างผู้ประกอบการยุคใหม่ ถอดบทเรียน “หนึ่งศตวรรษซีพี” เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส-กล้าลงทุน-ลงมือทำก่อน ปลุกพลังส่งต่อแรงบันดาลใจฝ่าวิกฤตโควิด-19


08 เมษายน 2564

สภาหอการค้าไทยแห่งประเทศไทยผนึกกำลังร่วมกับคณะการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมบริการ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จัดอบรมหลักสูตรระยะสั้น เรื่อง “การสร้างผู้ประกอบการใหม่” ให้แก่นักบินและพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเมื่อวันที่ 30-31 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา โดยมุ่งเน้นสร้างโอกาสการเป็นผู้ประกอบการใหม่ให้กับกัปตันและพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเพื่อความอยู่รอดในสถานการณ์โควิด-19  CP E-News ขอนำเสนอรายละเอียดแบบครบถ้วนเพื่อประโยชน์แก่ท่านผู้อ่าน

 

ในหลักสูตรอบรมพิเศษครั้งนี้ได้เชิญวิทยากร ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีประสบการณ์หลากหลายมาร่วมให้ความรู้ พร้อมข้อคิดเห็น และชี้แนะหลักการเริ่มต้นสร้างธุรกิจให้กับผู้ที่สนใจ หนึ่งในไฮไลท์สำคัญของคอร์สติวเข้มสุดพิเศษนี้ ได้เชิญนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ร่วมเป็นหนึ่งในวิทยากรบรรยายพิเศษในหัวข้อ “ผู้ประกอบการใหม่สร้างได้” ถ่ายทอดประสบการณ์ในการทำธุรกิจ ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะได้รับฟังมุมมองที่น่าสนใจจากผู้บริหารในองค์กรธุรกิจชั้นนำของประเทศไทย โดยซีอีโอเครือซีพีได้เล่าถึงประสบการณ์การทำธุรกิจของเครือเจริญโภคภัณฑ์ในอดีตตั้งแต่ 100 ปีก่อน พร้อมยกกรณีศึกษาของเครือซีพีที่ถือเป็นประสบการณ์และบทเรียนแห่งการทำธุรกิจที่ล้ำค่าส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งแนวคิดดังกล่าวได้สร้างแรงบันดาลใจและส่งต่อพลังในการสร้างธุรกิจใหม่ให้กับพนักงานในแวดวงธุรกิจการบินที่มาร่วมรับฟังกว่า 150 คน

 

@ ทุกอย่างเริ่มต้นจาก “ศูนย์” ซีพีเริ่มจาก “ห้องแถว” ยอดขายวันแรก 23 บาท

นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ เกริ่นนำสร้างแรงบันดาลใจ ว่า “ทุกอย่างเริ่มต้นจากศูนย์”  อย่างเช่น เครือซีพี มีคุณปู่ (เจี่ย เอ็กชอ) เป็นชาวจีนโพ้นทะเลเดินทางมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารที่ประเทศไทยเริ่มต้นธุรกิจจาก ห้องแถวเล็ก ๆ เปิดร้าน ‘เจียไต้ จึง’ ที่เยาวราช ขายเมล็ดพันธุ์ผักที่นำเข้าจากประเทศจีน  ถือได้ว่าเริ่มจากศูนย์ ...วันแรกที่เปิดร้าน หรือ Grand Opening เมื่อ 100 ปีที่ผ่านมา ขายได้ 23 บาท...และจากวันนั้นที่มียอดขายเพียงไม่กี่บาทสู่การพัฒนาทางธุรกิจที่สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างเท่าทันตลอดเวลาด้วยการประยุกต์ใช้นวัตกรรมมาพัฒนาสินค้า

 

“ยุคนั้นลูก ๆ ของคุณปู่ที่มี 9 คน รวมถึงท่านประธานอาวุโส ธนินท์ เจียรวนนท์ ซึ่งเกิดที่ห้องแถวในเยาวราช ลูกทุกคนต้องช่วยกันพับซองใส่เมล็ดพันธุ์ และเขียนวันที่หมดอายุวันไหนไว้บนซองด้วย ถือเป็นรายแรก ๆ ของไทย คุณปู่บอกต้องซื่อสัตย์ต่อลูกค้า ซึ่งคือ เกษตรกร ถ้าเกษตรกรซื้อเมล็ดพันธุ์นี้ไปแล้วปลูกไม่ขึ้น หมายถึงว่า มันหายไปตลอดฤดูกาลเขาจะเสียหายขนาดไหน  จุดนี้คุณปู่ได้ปลูกฝังครอบครัวถึงแนวคิดเรื่องซื่อสัตย์ และต้องมีความเมตตา”

 

“...คุณปู่ ต้องการรักษาคุณภาพเมล็ดพันธุ์ด้วยการนำไปบรรจุกระป๋องขาย สมัยนั้นกระป๋องเมล็ดพันธุ์ผักของเราใช้ตราเครื่องบิน ซึ่งในสมัยนั้นเครื่องบินคือสิ่งที่เป็นเทคโนโลยีสูงสุด  และการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ในกระป๋องถือเป็นนวัตกรรมเพื่อรักษาคุณภาพ   คุณปู่ได้นำทั้งสองอย่างมาผนวกเป็นเมล็ดพันธุ์ผักบรรจุกระป๋องตราเครื่องบินเพื่อรักษาคุณภาพ...สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีวันสิ้นสุดและต้องพร้อมที่จะปรับตัวประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเสมอ”

 

@ ยุคแตกกิ่งก้าน ล้มลุกคลุกคลานฟันฝ่าอุปสรรค พลิกกลับมาประสบความสำเร็จ

ซีอีโอเครือซีพี กล่าวต่อว่า ซีพีได้ผ่านการปรับตัว เปลี่ยนแปลง และนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการสร้างธุรกิจที่หลากหลายกระทั่งสามารถขยายธุรกิจให้เติบโตได้กว่า 20 ประเทศทั่วโลก และทำการค้าขายกับอีกกว่า 100 ประเทศ โดยสิ่งที่ทำให้เครือซีพีเติบใหญ่ได้นั้น มีกรณีศึกษาสำคัญที่เป็นตัวอย่างให้ผู้ประกอบการได้ศึกษา คือ การผ่านวิกฤตมาด้วย “วิสัยทัศน์ที่มองเห็นปัญหา” ศึกษาให้ถึง Pain Point ของตลาดนำไปสู่การ “สร้างโอกาส” และ “กล้าลงทุน” บน “ความเสี่ยงที่ยอมรับได้” และ “ลงมือทำก่อนคนอื่น”

 

นายศุภชัย กล่าวว่า หลังยุคบุกเบิก เครือซีพีได้เริ่มทำมากกว่าขายเมล็ดพันธุ์ผักขยับไปสู่ธุรกิจจำหน่ายอาหารสัตว์ ซึ่งสมัยนั้นไม่มีเรื่องอาหารสัตว์ที่เป็นมาตรฐาน  โดยมีคุณลุง ชื่อ “จรัญ เจียรวนนท์” เป็นผู้บุกเบิก  เปิดร้านเล็ก ๆ ชื่อ “เจริญโภคภัณฑ์” ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการเข้าสู่วงการอาหารสัตว์  ดำเนินกิจการไปได้ระยะหนึ่ง ต่อมาเริ่มติดขัดเพราะเจริญโภคภัณฑ์ตกอยู่ในภาวะแข่งขันไม่ได้  เนื่องจากในวงการผลิตอาหารสัตว์ลดต้นทุนการผลิตโดยมีการนำกระดาษผสมเข้าไปในอาหารสัตว์  ไก่กินเข้าไปแล้วก็มีน้ำหนักเท่ากับไก่ที่เลี้ยงด้วยอาหารอย่างดีของเจริญโภคภัณฑ์ ถ้าปล่อยให้สถานการณ์นี้ไว้ต่อไป กิจการจะเสียหายแน่นอน ทำให้ต้องคิดค้นหาสูตรอาหารสัตว์ใหม่ที่ทำให้ได้น้ำหนักเพิ่มขึ้น โดยไม่คิดที่จะทำตามอย่างคู่แข่ง เพราะขัดกับวัฒนธรรมและคุณค่าจากสิ่งที่คุณปู่คุณย่าสั่งสอนทุกคนในครอบครัว อย่างไรก็ตามในที่สุดท่านประธานอาวุโสธนินท์ เจียรวนนท์ ซึ่งได้เข้ามาช่วยดูแลกิจการในช่วงนี้พอดี ก็ได้ทางออกใหม่ ด้วยการเสาะแสวงหาไก่สายพันธุ์ที่ดีที่สุดในโลก โดยไปจับมือกับอาร์เบอร์แอนด์เอเคอร์ส ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำของโลกที่มีความรู้ความสามารถในการผลิตไก่ที่มีเทคโนโลยีชั้นสูงในการพัฒนาพันธุ์ไก่และเลี้ยงไก่

 

 “ขณะที่ต้นทุนก็ยังสูงแข่งขันไม่ได้...ในที่สุดท่านประธานอาวุโสธนินท์บอกว่าถ้าอยู่อย่างนี้ล้มแน่ ๆ จึงเป็นที่มาว่าซีพีต้องพิสูจน์ว่าอาหารของเรามีคุณภาพสูงสามารถเลี้ยงไก่ได้น้ำหนักสูงที่สุด ท่านประธานอาวุโสธนินท์ตัดสินใจบินไปสหรัฐอเมริกานำสายพันธุ์ไก่ที่ดีที่สุดในโลกจากบริษัทอาร์เบอร์ เอเคอร์สเข้ามาเลี้ยงในประเทศไทย และกล้าที่จะริเริ่มทำฟาร์มเลี้ยงไก่ 20,000 ตัว ซึ่งเป็นฟาร์มใหญ่ฟาร์มแรกของประเทศไทย และเป็นเรื่องที่ใหม่และยากมาก...เพราะขณะนั้นการทำฟาร์มเลี้ยงไก่ในประเทศ 200 ตัวก็ถือว่าสุดยอดแล้ว แต่ซีพีกล้าลงมือที่จะเลี้ยงมากถึง 20,000 ตัว  ใช้อาหารสัตว์มีคุณภาพเลี้ยงไก่ ดังนั้นการเลี้ยงไก่ถึง 20,000 ตัว จะทำให้มีต้นทุนที่แข่งขันได้ เราจึงกล้าลงทุน”

@ ดำเนินธุรกิจบนวิสัยทัศน์ “เห็นโอกาสก่อน กล้าเสี่ยง ลงมือก่อน”

นายศุภชัย กล่าวว่า จากการปรับตัวเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดจึงเป็นที่มาแห่งโอกาสให้ซีพีกล้าลงทุนนำสายพันธุ์ไก่ที่ดีที่สุดในโลกเข้ามาเลี้ยงในประเทศไทย ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ผ่านการล้มลุกคลุกคลาน เรียนผิดเรียนถูก ขาดทุนอยู่ถึง 15 ปี ก่อนจะเริ่มมีกำไร ขณะเดียวกันได้ใช้นวัตกรรมเข้ามาประยุกต์การเลี้ยงไก่เพื่อยกระดับเข้าสู่การสร้าง ‘อุตสาหกรรมปศุสัตว์’ เลี้ยงไก่-หมู ระดับประเทศ ซึ่งกรณีของเครือซีพีได้สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดการทำธุรกิจในช่วงเวลาวิกฤต เช่นที่เกิดขึ้นขณะนี้จากภาวะโควิด-19 ดังนั้นมุมมองการทำธุรกิจของผู้ประกอบการ จึงต้องมีความกล้าที่จะเสี่ยงในวิกฤต ลงมือทำก่อนคนอื่น เห็นถึงโอกาสและ Pain Point ต่าง ๆ ของตลาดจะส่งผลให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้ ที่สำคัญผู้ที่จะสร้างธุรกิจใหม่หรือเป็นผู้ประกอบการจะต้องมีศรัทธา ไม่ยอมแพ้ และต้องปรับตัว เห็นโอกาสในวิกฤตเสมอ ปัญหาทุกอย่างคือโอกาส ทั้งหมดเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ

 

ซีอีโอเครือซีพี กล่าวต่อว่า อีกหนึ่งกรณีศึกษาที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของซีพีในการมองเห็นปัญหา-ลงมือทำก่อนคนอื่น-เห็นโอกาสบนความเสี่ยง คือ การลงทุนในธุรกิจร้านสะดวกซื้อ เซเว่น-อีเลฟเว่น ซึ่งขณะนั้นประธานอาวุโสธนินท์เห็นว่าเซเว่น-อีเลฟเว่น ซึ่งเป็นธุรกิจที่ก่อตั้งในสหรัฐอเมริกากำลังขยายและประสบความสำเร็จ จึงติดต่อเพื่อทำแฟรนไชส์ในประเทศไทย โดยผู้ก่อตั้งเซเว่นฯได้เดินทางมาประเทศไทยเพื่อศึกษาดูตลาด และวิเคราะห์ให้ประธานอาวุโสธนินท์ฟังว่ายังไม่แนะนำให้เปิดเซเว่นฯในไทย โดยมองว่าเป็นการมาก่อนเวลา ถ้าหากเดินหน้าทำจะเสียหายได้ และบอกว่าประเทศไทยต้องรออีกอย่างน้อย 10 ปี อย่างไรก็ตามด้วยวิสัยทัศน์ของประธานอาวุโสที่มีความเชื่อ ความศรัทธาว่าถ้าเซเว่นฯเกิดที่อเมริกาได้ ก็ต้องเกิดที่เมืองไทยได้ ฉันใดฉันนั้นเหมือนตอนเลี้ยงไก่ 20,000 ตัว เป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ในเวลานั้น แต่ซีพีก็ทำให้เกิดขึ้นได้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของเซเว่นฯเมื่อ 30 ปีที่แล้วที่ลงมือทำและขาดทุนอยู่ 15 ปีเหมือนกับช่วงเลี้ยงไก่ยุคแรก

 

“บางครั้งบางอย่าง เราต้องทำก่อนเวลา...ทำก่อนคนอื่น ถ้าเราไปรอคนอื่นทำแล้วก็ไม่มีโอกาส จึงต้องทดลองทำ ต้องกล้าเสี่ยง ถ้าเราจะเป็นผู้ประกอบการหนึ่งในคุณสมบัติที่ต้องมีคือ ต้องกล้าเสี่ยง แต่ต้องรู้ว่าไม่เจ็บถึงตาย...กู้เงินมาลงทุนแล้วสามารถคืนได้”

 

@ ยุคต่อสู้จากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เชื่อมต่อสู่การปรับตัวในทุกยุคสมัย

ผู้ที่จะเริ่มธุรกิจ หรือ เป็นผู้ประกอบการใหม่ จะต้องมีวิสัยทัศน์มองเห็นโอกาสในวิกฤตเสมอ  นี่คือคุณสมบัติที่สำคัญอีกประการของคนที่จะเป็นผู้ประกอบการ  นายศุภชัยเล่าต่อไปว่า หลังจากยุคที่ซีพีทำอุตสาหกรรมปศุสัตว์สำเร็จในประเทศไทย จึงเริ่มบุกเบิกธุรกิจไปต่างประเทศ ตั้งแต่ 40-50 ปีก่อน ซีพีไปแข่งขันแล้วก็แพ้ล้มลุกคลุกคลาน แต่ฝ่าฟันทุกวิกฤตจนวันนี้สามารถขยายธุรกิจลงทุนไปกว่า 20 ประเทศทั่วโลก ทำการค้าขายมากกว่า 100 ประเทศ เช่นเดียวกับธุรกิจโทรคมนาคมที่ฟันฝ่าล้มลุกคลุกคลาน เพราะทำธุรกิจนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะธุรกิจโทรคมนาคมถูกวิจารณ์ว่าบริษัทสัญชาติไทยไม่สามารถทำได้ เพราะลงทุนมหาศาล ต้องลงทุนโดยบริษัทข้ามชาติเท่านั้น แต่เครือซีพีก็ดำเนินธุรกิจนี้ตั้งแต่ยุคของโทรศัพท์พื้นฐานจนถึงเครือข่าย 1G,2G,3G,4G และการมาถึงของ 5G ซึ่งธุรกิจของเครือปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว

 

นายศุภชัย กล่าวต่อว่า ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 หรือวิกฤตต้มยำกุ้ง ซีพีเผชิญปัญหาเฉกเช่นหลายธุรกิจจนในที่สุดต้องออกจากธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก โดยขายกิจการแม็คโคร และโลตัส ซึ่งปัจจุบันได้ซื้อกิจการกลับคืนมาใหม่อีกครั้ง สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่าเราต้องมีศรัทธาไม่ยอมแพ้ และมีศักยภาพในการปรับตัวต่อความเคลื่อนไหวทั่วโลกทั้งเศรษฐกิจ สังคม และบริบทการเมืองของประเทศต่าง ๆ ด้วยเพราะการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

@ จากวิกฤตโควิด-19 ปรับตัวสู่ธุรกิจยุค 4.0

นายศุภชัย กล่าวต่อว่า ในวิกฤตมีโอกาสดังนั้นไม่ว่าจะอยู่ในอุตสาหกรรมเดิมหรืออุตสาหกรรมใหม่ ซึ่งช่วงวิกฤตโควิด-19 เกิดกระบวนการดิสรัปไปสู่ออนไลน์ อุตสาหกรรมและธุรกิจที่เติบโตคือ เทคโนโลยี ดิจิทัล อีคอมเมิร์ซ โลจิสติกส์ เทเลเมดิซีน ธุรกิจสุขภาพ แสดงให้เห็นว่าเป็นโอกาสแม้ในช่วงแย่ที่สุดก็ยังมีธุรกิจที่ปรับตัวได้ และหลายธุรกิจยังเติบโตขึ้นดีกว่าเดิม ดังนั้นผู้ประกอบการต้องสามารถเห็นปัญหาได้ก่อน รู้ก่อนและแก้ปัญหานั้น นอกจากนี้ยังต้องสังเกตและใส่ใจมองเห็นถึงเมกะเทรนด์ของโลกด้วย อาทิ ฟินเทค ออโตเมชั่น โรบอติกส์ เอไอที่แตกแขนงไปในหลายมิติ เพราะโลกกำลังขับเคลื่อนไปในทิศทางนั้น ทุกธุรกิจและบริการกำลังปรับตัวไปสู่ออนไลน์ทำให้เกิดอาชีพใหม่ ซึ่งเป็นโอกาสใหม่ ๆ ที่ผู้สนใจเป็นผู้ประกอบการที่จะสร้างธุรกิจใหม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้องหรือเป็นผู้ริเริ่มในยุค Digital Economy, New Economy หรือเศรษฐกิจ 4.0

 

นายศุภชัย กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่โลกไปสู่ยุค 5G,6G ทุกอย่างเชื่อมโยงกันได้หมด เทคโนโลยีดิจิทัลจะไปอยู่ในทุกอุตสาหกรรมและกระบวนการผลิต ซึ่งจะทำให้เกิดข้อมูลทางดิจิทัลมหาศาล จึงต้องสร้างศักยภาพในการใช้ข้อมูลดิจิทัลเพื่อทำธุรกิจให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นที่มาว่าต้องทำให้ประชาชนในประเทศเกิดการเรียนรู้ด้านดิจิทัลมี Digital Literacy และ Digital Skill ในหลายระดับ

 

“ในวิกฤตมีโอกาส กรณีโควิด-19 ส่งผลให้ธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจการเดินทางได้รับผลกระทบ ผมมองว่าเป็นเหตุการณ์ชั่วคราวและจะกลับมาฟื้นอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้มีข่าวดีว่าวัคซีนที่ฉีดทั่วโลกมีผลลัพธ์ที่ดี และเชื่อว่าสิ้นปีนี้ทั่วโลกจะมีวัคซีนโดยทั่วและอาจได้เห็นพาสปอร์ตวัคซีนในการเดินทาง จะทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจการบินกลับมา และอาจจะกลับมาพลิกฟื้นมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเชื่อว่าธุรกิจที่มารองรับต่อจากนี้น่าจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เพราะช่วงโควิด-19 บริบทคนทำงานมีความคล่องตัวสูงมาก การเดินทางจะมากขึ้น และน่าจะดำเนินไปในทิศทางที่ดีขึ้น ดังนั้นไม่ใช่ว่าวิกฤตโควิด-19 จะเกิดขึ้นไปตลอด” นายศุภชัยกล่าว

 

@ ซีอีโอเครือซีพีตกผลึกแนวคิด ซีพี 100 ปี สู่หัวใจสำคัญของผู้ประกอบการยุคใหม่

นายศุภชัย กล่าวต่อว่า จากกรณีศึกษาของเครือซีพีที่ดำเนินธุรกิจมาถึง 100 ปี ผ่านการปรับตัวเปลี่ยนแปลงและนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการสร้างธุรกิจที่หลากหลาย ผ่านทั้งอุปสรรคจากวิกฤตเศรษฐกิจ และการแข่งขันทางธุรกิจต่าง ๆ มาได้โดยยึดแนวคิดหลักสำคัญคือ “การดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์” “เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส” “มีวิสัยทัศน์ในการกล้าลงทุน” และ “การลงมือทำก่อน”

 

“การทำธุรกิจทุกวันนี้ เวลาที่เราบอกว่าทำอย่างไรให้ธุรกิจไม่ล้ม เพราะบางทีเราเห็นแต่ความสำเร็จ แต่ขอให้ตระหนักว่าความสำเร็จล้วนเริ่มต้นมาจากก้าวเล็กๆ จะต้องแก้ปัญหาเล็ก ๆ เหล่านี้ให้ได้ ดังนั้นขอให้คิดว่าปัญหาทุกเรื่องคือโอกาส ปัญหาทุกเรื่องคือการเรียนรู้สู่ความสำเร็จ และมีความคิดที่จะหาทางแก้ปัญหาและลงมือทำ นั่นคือจุดเริ่มต้นของความเป็นผู้ประกอบการ”  

 

นายศุภชัย ยังกล่าวทิ้งท้ายถึงหัวใจสำคัญของผู้ประกอบการในการทำธุรกิจยุค New Economy ให้ประสบความสำเร็จ คือ 1.การมองเห็นปัญหาเป็นโอกาส เพราะปัญหาที่เกิดในการทำธุรกิจ คือการเรียนรู้สู่ความสำเร็จ 2.ต้องมี Mindset หรือกรอบความคิดที่ดีในการทำงาน คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมและองค์กรเป็นที่ตั้ง พร้อมเปิดใจและปรับตัวในการเปลี่ยนแปลง เพราะในอนาคตทุกธุรกิจจะก้าวเข้าสู่ดิจิทัลเทคโนโลยี 3.ต้องมีหลักทางพุทธศาสนาคือความเมตตา และ “มรรค 8” ที่สามารถนำมาประยุกต์ในการดำเนินชีวิตและการทำธุรกิจได้จริง ประกอบด้วย เห็นชอบ คิดชอบ พูดชอบ ทำชอบ อยู่ชอบ เพียรชอบ สมาธิชอบ และปัจจุบันชอบ เป็นการดำรงชีวิตและทำธุรกิจด้วยความไม่ประมาท คือการอยู่กับปัจจุบัน เห็นความจริงเสมอว่าโลกมีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ยอมรับได้ทั้งความสำเร็จและความล้มเหลว เพราะจะนำมาสู่การเรียนรู้และพัฒนาตัวเองเพื่อเป็นผู้ประกอบการที่ดีต่อไป

 

ทั้งหมดคือข้อคิดและแนวคิดที่ซีอีโอเครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้ถ่ายทอดในคอร์สพิเศษ “ผู้ประกอบการใหม่สร้างได้” ที่ฉายภาพให้เห็นตลอดเส้นทางการทำธุรกิจของเครือซีพี จากจุดต่ำสุดสู่การมองเห็นโอกาสก่อน และลงมือทำ แม้จะขาดทุนถึง 15 ปี..เป็นบทพิสูจน์ถึงกาลเวลาและเส้นทางการทำธุรกิจของเครือซีพีที่เติบโตมาได้ถึง 100 ปี

ข่าวยอดนิยม

เครือเจริญโภคภัณฑ์บริษัทข้ามชาติแห่งแรกในจีนจดทะเบียนการค้าหมายเลข 000...

17 พฤษภาคม 2560
26867

การบริหารงานบุคคลของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ในยุค 4.0...

08 พฤศจิกายน 2560
22213

โครงการเลี้ยงไก่ไข่อาหารกลางวันนักเรียน การ “ให้” อย่างมีคุณค่า ทั้งด้...

03 กรกฎาคม 2558
20881

Cage Free Eggs ไข่จากแม่ไก่ที่เลี้ยงแบบธรรมชาติ เพื่อสุขภาพของผู้บริโภ...

18 กรกฎาคม 2562
13517

แชร์ข่าวสาร

ซีพีเอฟ ก้าวสู่ธุรกิจใหม่ Future Food ตั้งกองทุนลงทุนสตาร์ตอ... เรียนรู้หลักธรรมาภิบาลที่ดีของเครือ CP หัวใจสำคัญในการขับเคล...

ข่าวที่น่าสนใจ

อ่านข่าวทั้งหมด อ่านข่าวทั้งหมด

“มาริษา เจียรวนนท์” บนเส้นทางรังสรรค์ อาหารเพื่อสังคม ผ่านมูลนิธิ CHEF...

23 พฤศจิกายน 2564
4273

สูตรรอด 'CPF' อยู่ร่วมโควิด กระจายความเสี่ยง 47 ประเทศ...

30 สิงหาคม 2564
3928

ทำความรู้จัก “สบขุ่นโมเดล”: CP ร่วมพัฒนา พลิกเขาหัวโล้นให้กลายเป็นผืนป...

13 กรกฎาคม 2564
4667

CP ชูกลยุทธ์ขับเคลื่อน Social Enterprise ผู้นำหญิงนักพัฒนา ก้าวสู่ชุมช...

07 กรกฎาคม 2564
4449

เครือเจริญโภคภัณฑ์
Copyright 2016.
Privacy Policy | Rules & Regulations

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง

  • ความรู้คู่คุณธรรม: www.truepookpanya.com
  • CP-Enews ปี 2013: news.cpfworldwide.com
  • CP-Enews ปี 2012: www.cpthailand.com/enews

ติดต่อเรา

สำนักกิจกรรมสื่อสารองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์ เลขที่ 18 อาคาร ทรู ทาวเวอร์ ชั้น 25 ถนนรัชดาภิเษก แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10310

  • โทรศัพท์ : 02-858-6286 / 02-858-2564 / 02-858-3721-2
  • โทรสาร : 02-858-3726
  • อีเมล์ : prcpgroup@cp.co.th