ท่านประธานอาวุโส “ธนินท์ เจียรวนนท์” วิเคราะห์ทิศทางเศรษฐกิจไทยในปี 2563 ต้องรู้จักใช้วิกฤตให้เป็นโอกาส ไทยต้องเปิดประตูรับคนเก่งจากทั่วโลกเข้ามาช่วยพัฒนาประเทศ เพื่อช่วยดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทยให้กลายเป็นประเทศที่ทันสมัยที่สุดในอาเซียน
เมื่อเร็ว ๆ นี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยท่านประธานอาวุโส ธนินท์ เจียรวนนท์ ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษในรายการ “เศรษฐกิจ…Insight” ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ TNN ช่อง 16 ซึ่งได้พูดคุยในหลากหลายประเด็นที่น่าสนใจ ทั้งเรื่องการแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในประเทศไทย การผสานความร่วมมือของ 3 ประเทศ ไทย จีน และญี่ปุ่น ในโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ที่จะช่วยดึงนักลงทุนและเม็ดเงินจากต่างประเทศเข้ามาสู่ประเทศไทย พร้อมทั้งประเมินทิศทางเศรษฐกิจไทยในปี 2563
สำหรับทิศทางเศรษฐกิจไทยในปี 2563 ท่านประธานอาวุโส เครือซีพี มองว่าประเทศไทยต้องเรียนรู้การใช้วิกฤตเป็นโอกาส โดยเฉพาะในเรื่องของเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทต่อมนุษย์มากขึ้น ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีของไทยโดยเฉพาะเทคโนโลยี 4.0 ยังไม่สามารถสู้กับประเทศอื่น ๆ ได้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากหากไทยเปิดโอกาสให้ประเทศที่มีศักยภาพเข้ามาช่วยยกระดับคุณภาพการผลิตแทน เพราะปัจจุบันถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะช่วยดึงต่างชาติเข้ามาลงทุนและเสริมสร้างศักยภาพด้านการผลิตของไทย โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ไทยคิดค้นเทคโนโลยีได้ด้วยตัวเองและเป็นการเพิ่มโอกาสของไทยในการพัฒนาศักยภาพด้านการผลิต เพราะเชื่อว่ายังมีบริษัททั่วโลกอีกเป็นจำนวนมากสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เพื่อใช้เป็นฐานในการผลิตสินค้าส่งออกไปทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศจีนที่มีประชากรกว่า 1,400 ล้านคน โดยที่เราไม่ต้องคิดว่าต้องทำเองทั้งหมด แต่ต้องรู้จักใช้พลังของโลกในการเชื่อมโยงทุกอย่าง และสร้างเวทีให้คนเก่งเข้ามารวมอยู่ด้วยกัน โดยที่เราเป็นผู้บริหารจัดการ
ท่านประธานอาวุโสธนินท์ ยังได้กล่าวถึงโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ที่ถือว่าเป็นความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์ของไทย จีน และญี่ปุ่น โดยเฉพาะจีนกับญี่ปุ่นที่ยอมจับมือกันมาช่วยพัฒนารถไฟความเร็วสูง เพราะทั้งสองประเทศต่างมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะญี่ปุ่นที่มีความพร้อมในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเทคโนโลยีและเงินทุน และมองว่าโครงการรถไฟความเร็วสูงของไทยจะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ เพราะจะช่วยดึงดูดนักธุรกิจ 4.0 จากทั่วโลกเข้ามาลงทุนในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC มากขึ้น และเห็นว่าในโลกนี้ยังมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย และสามารถเลือกนำมาใช้ได้โดยที่ไทยไม่จำเป็นต้องสร้างขึ้นมาเอง
นอกจากนี้ท่านประธานอาวุโสธนินท์มีความเห็นว่าเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศไทยอย่างมาก เพราะจะเป็นตัวแปรสำคัญที่จะทำให้ไทยก้าวเข้าสู่ยุค 4.0 ซึ่งจะทำให้นักลงทุนต่างชาติมีความมั่นใจและหันมาลงทุนในไทยมากขึ้น โดยเฉพาะการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จะเป็นตัวสร้างความเชื่อมั่นได้เป็นอย่างดี ทั้งโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน และโครงการท่าเรือแหลมฉบังฯ เป็นต้น
“เศรษฐกิจของประเทศกว่า 70 % จะอยู่ในพื้นที่กว่า 200 กิโลเมตรของอีอีซี ซึ่งจะมาจากการลงทุนของต่างชาติ ที่จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่ทันสมัยที่สุดและเป็นรายแรกในอาเซียน ซึ่งประเทศอื่นยังไม่มีโอกาสเช่นนี้ แต่สิ่งที่ไทยยังขาดคือแรงงานคุณภาพ โดยเฉพาะคนเก่งในเรื่องของเทคโนโลยี 4.0 ที่ต้องยอมรับว่าไทยสร้างบุคลากรขึ้นมาไม่ทัน เพราะทรัพยากรมนุษย์สำคัญที่สุด ประเทศไทยต้องเปิดประตูให้กว้างขึ้นและยอมรับคนเก่ง ๆ ในโลกนี้เข้ามาทำงานให้มากขึ้น การดึงคนเก่งจากทั่วโลกเข้ามาช่วยพัฒนาประเทศจะยิ่งช่วยทำให้คนไทยเก่งขึ้นด้วย” ท่านประธานอาวุโส เครือซีพี กล่าวในที่สุด
ติดตามบทสัมภาษณ์ได้ทาง https://www.youtube.com/watch?v=IkhLO2b8GBo