เผลอเดี๋ยวเดียวเรากำลังจะก้าวผ่านปีกุนเข้าสู่ปีชวดกันแล้ว เหตุการณ์โลกในปี 2019 นับว่าเต็มไปด้วยประเด็นร้อนแรงที่แฝงไว้ซึ่งความผันผวน หลายเรื่องใกล้เคียงกับคำว่าวิกฤติก็ไม่ปาน แถมยังส่งต่อไปให้เป็นการบ้านข้อใหญ่ในปี 2020 ไม่ว่าจะเป็นการป่วนด้านเทคโนโลยี การหมุนเปลี่ยนของพฤติกรรมการบริโภค BREXIT สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ และอื่น ๆ ซึ่งได้ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจและธุรกิจในวงกว้าง
หลายประเทศรวมทั้งไทยเองก็ต้องปรับตัวเลขเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่หลายรอบ และส่งสัญญาณเชิงลบต่อไปยังปีหน้า บางคนถึงขนาดพูดเปรียบเปรยว่า ปีนี้เป็นเพียงแค่การเผาหลอก แต่ปีหน้าจะเผาจริงก็มี ทั้งนี้ หนึ่งในความสนใจที่ผู้คนทั่วโลกใส่ใจถามถึงก็ได้แก่ สภาพเศรษฐกิจจีน เราลองตามไปดูกันว่า แนวโน้มสภาพเศรษฐกิจแดนมังกรจะเป็นเช่นไร และจีนเตรียมตัวเผชิญกับความท้าทายในปี 2020 ไว้อย่างไร
ปี 2020...เลขสวย รวยเสน่ห์
ที่ประชุมระดับสูงประจำปีเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายและเป้าหมายทางเศรษฐกิจของจีนอย่าง คณะทำงานด้านเศรษฐกิจแห่งชาติ (Central Economic Working Conference: CEWC) เมื่อกลางเดือนธันวาคม 2019 ประเมินตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2020 ไว้ที่ 6% เมื่อเทียบกับของปีก่อน
แม้ว่าเป้าหมายอัตราการเติบโตดังกล่าวจะแตกต่างและต่ำกว่าของปี 2019 ซึ่งกำหนดไว้เป็นช่วงกว้าง ๆ ที่ 6.0-6.5% แต่อัตรา 6% ในปี 2020 ก็คาดว่าอยู่ในระดับที่สูงกว่าของค่าเฉลี่ยโลก (ราว 3.3%) อยู่มาก ประการสำคัญ นักเศรษฐศาสตร์ในจีนต่างมองว่าการรักษาระดับการเติบโตมากกว่า 6% เป็นสิ่งที่เกินความจำเป็น และอาจนำไปสู่ความเสี่ยงในด้านอื่นในระยะยาว ดังนั้น ประตู “6%” กำลังเปิดกว้างรอเศรษฐกิจจีนอยู่ในปีหน้า
จังหวะเวลา ...มาเร็ว มาแรง
ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ ช่วงเวลาของการประชุมระดับสูงที่เกี่ยวข้องในปีนี้ดูจะส่งสัญญาณที่น่าสนใจยิ่ง ประการแรก การประชุมสมาชิกกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ หรือที่เรียกกันติดปากว่า “โปลิตบูโร” เพื่อหาข้อสรุปเบื้องต้นก่อนส่งสัญญาณต่อไปยังที่ประชุม CEWC ในปีนี้มาเร็วกว่าที่เคย เดิมทีผมยังคิดว่า “โปลิตบูโร” จะประชุมพิจารณากำหนดเป้าหมายและแนวทางเศรษฐกิจของปี 2020 หลังวันที่ 15 ธันวาคม 2019 ซึ่งเป็นวันที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะมีความชัดเจนเกี่ยวกับการเรียกเก็บอากรนำเข้าสินค้าจีนตามที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ แต่ปรากฏว่า “โปลิตบูโร” ประชุมกันไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ที่ผ่านมากันเลย
ประการที่สอง การประชุมเร็วกว่ากำหนดก็ทำให้การประชุม CEWC สามารถจัดได้เร็วขึ้น โดยในปีนี้จัดไปเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ซึ่งเสมือนเป็นการส่งสัญญาณของรัฐบาลจีนไปยังรัฐบาลสหรัฐฯ ว่า จีนจะใส่ใจกับเรื่อง “ภายใน” มากกว่า “ภายนอก” สอดคล้องกับคำกล่าวของท่านประธานาธิบดีสี จิ้นผิงก่อนหน้านี้ว่า เศรษฐกิจจีนเป็นดั่งมหาสมุทร การปะทะกับคลื่นลมเพียงเล็กน้อยจะไม่ส่งผลกระทบแต่อย่างใด หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ จีนพร้อมที่จะเดินหน้าพัฒนาเศรษฐกิจในอัตราความเร็วและแนวทางที่กำหนดไว้ โดยไม่สนใจการพิจารณามาตรการทางการค้า หรือการออกนโยบาย หรือกฎหมายอื่นใดของสหรัฐฯ นั่นเอง
ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจปี 2019 เป็นเช่นไร
เกิดคำถามย้อนกลับมาว่า แล้วอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2019 ของจีนจะอยู่ที่ระดับใด เพราะก่อนหน้านี้หลายฝ่ายดูกังวลใจอย่างมากกับตัวเลขอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องจาก 6.4% ในไตรมากแรก 6.2% ในไตรมาสที่สอง และเหลือ 6.0% ในไตรมาสที่สาม เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2018 และเกรงว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะลุกลามและก่อให้เกิดความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและการเงินในปีหน้า
อย่างไรก็ดี รัฐบาลจีนดูจะตระหนักดีถึงสถานการณ์ดังกล่าว จึงทยอยออกมาตรการมากมายหลายมิตินับแต่กลางปี 2019 เพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดแรงงาน ภาคการเงิน การค้าระหว่างประเทศ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ และอื่น ๆ ครั้นเข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี ก็ดูเหมือนว่าหลายฝ่ายจะเลิกกังวลกับตัวเลขดังกล่าวไปเสียแล้ว โดยคาดว่าเศรษฐกิจจีนในปี 2019 จะเติบโตที่ราว 6.2% เมื่อเทียบกับของปี 2018 ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงก็ถือว่า รัฐบาลจีนบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ และเติบโตกว่าเศรษฐกิจโลกราวหนึ่งเท่าตัว
ที่มา: คอลัมน์มังกรกระพือปีก ฐานเศรษฐกิจ