การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีเป็นไปอย่างรวดเร็ว รุนแรง และเป็นไปอย่างต่อเนื่องส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อสังคมเศรษฐกิจ อย่างที่ทราบกันบางธุรกิจหายไป บางอาชีพหายไป การทำธุรกรรมผ่านอินเตอร์เน็ตแทนการไปที่เคาน์เตอร์ เพิ่มมากขึ้น ในทางกลับกันทรัพยากรน้ำ อาหาร และพลังงาน จะลดลง ซึ่งในอนาคตจะมีการรบกันเพื่อแย่งชิง น้ำ อาหาร ความซับซ้อนของระบบโลกยากที่จะเข้าใจจะไม่เหมือนสมัยสงครามเย็นที่มีเพียงแค่ 2 ขั้วอำนาจ คือ ขั้วคอมมิวนิสต์ และขั้วโลกเสรี การผงาดขึ้นมาของขั้วอำนาจใหม่อย่างจีนซึ่งจะกลายเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกคือตัวแปรที่สำคัญ จีนจะมีอำนาจมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีมหาอำนาจใหม่เรียกว่ากลุ่ม BRICS ซึ่งจะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เท่ากับกลุ่ม G7 ตรงนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์แน่นอนจะมีการย้ายศูนย์กลางอำนาจโลกจากตะวันตก มาตะวันออกการเปลี่ยนแปลงระหว่างอารยธรรมจะเกิดขึ้น
การผลิตบันฑิต และการเรียน การสอนต้องเปลี่ยนไปเพราะเทคโนโลยี่เปลี่ยนแปลงไปแล้ว สังคมโลกกำลังจะเปลี่ยนไป เหมือนอย่างที่กฎของเมนเดลที่ว่าสิ่งมีชีวิตมีโอกาสรอดในธรรมชาติได้ก็ต่อเมื่อรู้จักปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติได้ ฉะนั้นการศึกษาต้องปรับตัวขนานใหญ่เช่นกันหากมิเช่นนั้นก็จะถูกคัดออกหรือตายไปในที่สุด การเรียนการสอนแบบ Work-based Education จึงตอบสนองความเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสังคมโลกที่กำลังเกิดขึ้น การสร้างคุณลักษณะพิเศษอีกอย่างที่เรียกว่า MULTIPOLAR SKILLS เพื่อให้บัณฑิตสามารถออกไปอยู่กับโลกภายนอกได้อย่างมีความสุข จึงเป็นโจทย์ใหญ่ที่ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องต้องทำให้ได้ แล้วอย่างไรที่เรียกว่า MULTIPOLAR SKILLS จะเป็นการเรียน การสอน ที่ฝึกฝนให้ผู้เรียนมีความสามารถที่หลากหลายด้าน คำว่าครูต้องถูกตัดทิ้งไป คำว่าโค้ชจะใช้ได้ดีกว่าในการพัฒนาผู้เรียน การจะเป็นโค้ชที่ดีต้องมีความรู้ ความชำนาญอย่างลึกซึ้ง การพึ่งพา YouTube ไม่เพียงพอต่อการสอน งานหนักจึงตกอยู่ที่โค้ช จะฝึกอย่างไร จะสร้างแรงบันดาลใจได้อย่างไร จะสอนแพชชั่นอย่างไร ในเมื่อผู้เรียนมีความหลากหลาย บางคนมีแพชชั่น แต่บางคนไม่มีแพชชั่น การเป็นโค้ชนักกีฬามีข้อได้เปรียบที่นักกีฬามีแพชชั่นแล้ว มีความต้องการในกีฬาที่ตนเองอยากจะเป็น มีความชัดเจนในงานที่อยากทำ ดังนั้นงานหนักของครูคือจะทำอย่างไรให้ลูกศิษย์มีแพชชั่น เมื่อมีแพชชั่นแล้วหน้าที่ของครูคือต้องพาแพชชั่นนั้นไปให้ถึงเป้าหมายให้ได้ การมีทักษะแบบ MULTIPOLAR SKILLS ไม่ใช่เรียนเพียงแค่ทำหน้าที่ให้คนมาเรียนที่ห้องเรียน สอนตามหน้าที่ในวิชาใดวิชาหนึ่งในห้องเรียน หรือทำแพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่งเท่านั้น เมื่อโลกเข้าสู่ยุคหลอมหลวมสื่อหรือ Convergence แล้วครูจะต้องมีทักษะพื้นฐานที่หลากหลายด้าน เพื่อสร้างบันฑิตให้มีความสามารถหลากหลายด้าน เช่น การจัดการข้อมูล การตัดต่อ การถ่ายภาพนิ่ง-เคลื่อนไหว การถ่ายทำ การใช้น้ำเสียงท่าทาง อย่างนี้จะทำให้เห็นภาพได้ชัด ซึ่งหากสามารถทำได้ก็จะทำให้ผู้เรียนนั้นสามารถทำงานได้ในทุกๆแพลตฟอร์มของชีวิตนั่นเอง
การเรียนในศาสตร์ด้านอุตสาหกรรมการบริการ การโรงแรมจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ซึ่งที่สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ได้เริ่มดำเนินการปรับความเข้มข้นไปแล้ว เพื่อสร้างอัตลักษณ์ของบัณฑิตให้ในแต่ละคนต้องมีลักษณะ MULTIPOLAR SKILLS ตัวอย่างเช่น การเรียนทักษะการการประกอบอาหาร ซึ่งไม่ใช่แค่การหั่นผัก แต่ผู้เรียนต้องสามารถสร้างชุดเมนูอาหารได้เมื่อจบคลาส ซึ่งใช้เวลาแค่เพียง 10 สัปดาห์เท่านั้น การมีทักษะการเป็นบาริสต้าที่ไม่ใช่แค่การกดกาแฟจากเครื่องเอสเปรสโซ่แต่ต้องมีศิลปะที่มากกว่า การมีทักษะด้านมิกซ์โซโลจิสที่ไม่ใช่นักชงเครื่องดื่มตามความข้าใจแบบโบราณอีกต่อไป จะทำอย่างไรให้มีทักษะที่เรียกว่า Flair Bartending การมีทักษะการทำทัวร์ต้องเข้าใจระบบโลจิสติก มีทักษะการจัดทำอีเวนท์ต่างๆ ต้องมีความเชี่ยวชาญด้านการตลาด การให้การบริการแบบมืออาชีพเป็นสิ่งที่ต้องมีอยู่แล้ว แต่จะฝึกอย่างไรตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด พื้นฐานเลยต้องมีห้องปฎิบัติการที่ดี ไม่มีองค์กรไหนจะสามารถผลักดันทักษะต่างๆเหล่านี้ได้ถ้าไม่มีห้องปฎิบัติการที่ดี จะไม่มีนักกีฬาระดับโลกได้ถ้าไม่มีสนามฝึกซ้อมที่ดีในการฝึกซ้อม เหมือนการจะไปดาวอังคารเป็นไปไม่เลยที่จะไม่มีห้องปฎิบัติการเพื่อสำรวจต่างๆ
จากทักษะต่างๆดังกล่าวต้องเริ่มต้นที่ตัวโค้ช หรือคุณครู กับคำที่ต้องสูญหายไปในอนาคต สิ่งแรกที่ต้องทำคือการสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้เรียน จะสร้างแรงบันดาลใจได้จะต้องมีความพิเศษ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชน ไม่เช่นนั้นมันเป็นเรื่องยากที่จะไปสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดขึ้น มันไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ การรีบลงมือทำ ไม่มัวแต่วางแผน รีบลงมือทำให้เร็ว รีบล้มเหลวจากสิ่งเล็กๆ เพื่อความสำเร็จที่รออยู่การเปลี่ยนความคิดต่างๆให้เป็นผลงาน การคิดเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอสำหรับวัตถุดิบที่มีอยู่อย่างจำกัด การที่เราตั้งปัญหาแล้วค่อยตามมาด้วยกรอบอาจไม่เพียงพอต่อโจทย์ในปัจจุบัน แต่เราต้องปรับกระบวนการคิดใหม่โดยเน้นทำความเข้าใจว่าคนต้องการอะไร แทนที่วิธีการแบบเดิมที่มักเริ่มต้นด้วยการตั้งคำถามว่า “ปัญหา” คืออะไร ทำไมต้องมีกรอบ ทำไมต้องคล้อยตาม การทำความเข้าใจ และตีความปัญหาอย่างลึกซึ้งจะช่วยให้เริ่มต้นในการทำงานได้ดีกว่า ให้ยึดหลักทดลองหลายๆครั้ง ล้มเหลวบ่อยๆ ล้มเหลวให้เร็ว เพื่อจะได้รีบเรียนรู้ความผิดพลาด ห้ามตีกรอบ หรือตัดสินปัญหาด้วยมุมมองของเราเพียงฝ่ายเดียว ถ้าเริ่มตรงนี้ได้ ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นโค้ชที่ดีได้
ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเป็นเรื่องที่ดีที่ทำให้เรารู้เรื่องใดเรื่องหนึ่งในเชิงลึก แต่ไม่เพียงพอสำหรับโลกการทำงานยุคใหม่ที่ต้องการคนที่ทำงานได้ลึกและหลากหลาย ไม่ได้มีข้อจำกัดในการทำงานแค่เพียงอย่างเดียวหรือ Skill เดียว นักบริการคืออาชีพพิเศษที่มีความซับซ้อนทางจิตใจ ที่ต้องทำงานกับคนมากมายหลายรุ่น หลายวัฒนธรรม การทำงานเป็นทีม การสอนอย่างเป็นระบบ การมอบหมายภาระงาน และการสร้างประสบการณ์วิชาชีพใหม่ๆเป็นสิ่งที่ทำให้องค์ความรู้ทางการบริการเติบโตต่อยอดไปเรื่อยๆ นักบริการต้องมีความกล้า และความเป็นผู้นำ ดังนั้นการมีทักษะการทำงานที่หลากหลาย มีความสามารถหลายอย่าง เพื่อพัฒนาศักยภาพ และเพิ่มโอกาสในการก้าวหน้าในสายอาชีพของตัวเองจะสามารถทำรายได้ในอนาคตได้ดีกว่า ส่วนผู้ที่ไม่พยายามพัฒนาทักษะให้มีมากขึ้น ไม่รู้จักค้นหาความรู้ใหม่ๆให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนไป ถึงเวลาคุณค่าที่เราคิดว่าเคยมีในตัวเราก็จะค่อยๆหมดความหมายไป ดังนั้นใครที่มีความสามารถที่หลากหลายหรือที่เรียกว่า MULTIPOLAR SKILLS มีทักษะหลายอย่างก็จะได้เปรียบมากกว่านั่นเอง