• หน้าแรก
  • คุยกับ CP
  • ข่าวเศรษฐกิจ - ธุรกิจ
  • CP เพื่อสังคมที่ยั่งยืน
  • ข้อเท็จจริง CP
  • แวดวง CP
  • เปิดหน้าต่างมองโลก
  • วิดีโอ
  • วารสารบัวบาน
  • ติดต่อเรา

เมื่อซัพพลายเชนคุณมีปัญหา สินค้าหรือธุรกิจบริการของคุณก็อาจจะมีปัญหาเช่นกัน


โดย ดร.เนติธร ประดิษฐ์สาร

09 สิงหาคม 2562

ยูเอ็นโกลบอลคอมแพ็ก (UN Global Compact) เกิดจากการรวมตัวของภาคเอกชนทั่วโลก ภายใต้ข้อริเริ่มของนายโคฟี่ อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ ในขณะนั้น เพื่อชักชวนให้ธุรกิจมาร่วมกับสหประชาชาติในการทำกิจกรรมเพื่อให้โลกมีความยั่งยืน (Sustainability) สอดคล้องกับสิ่งที่สหประชาชาติพยายามผลักดัน กล่าวคือบริษัทจะต้องทำธุรกิจที่เคารพสิทธิมนุษยชน ไม่ละเมิดสิทธิและกฎหมายแรงงาน รักษาสิ่งแวดล้อม และไม่สนับสนุนการทำทุจริต โดย UN Global Compact กำหนดขึ้นมาเป็นหลักการสากล 10 ประการที่จะต้องให้บริษัทสมาชิกปฏิบัติ ซึ่งมีสมาชิกอยู่ทั่วโลกราว 13,000 องค์กร จัดว่าเป็นการรวมตัวของภาคเอกชนเพื่อส่งเสริมความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในโลก 

UN Global Compact มองว่าการรวมตัวกันในระดับโลกอย่างเดียวอาจจะยังไม่เพียงพอในการจะขับเคลื่อนให้บริษัทเอกชนหันมาทำเรื่องความยั่งยืนอย่างจริงจัง จึงพยายามให้แต่ละประเทศมีแกนนำที่จะรวบรวมสมาชิกในประเทศนั้นๆ ตั้งเป็น UN Global Compact ระดับประเทศขึ้น ประเทศไทยก็ได้จัดตั้งเครือข่ายลักษณะดังกล่าวเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ภายใต้ชื่อ สมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย (Global Compact Network Thailand : GCNT) ล่าสุดมีสมาชิกอยู่ราว 40 บริษัท ประกอบด้วยองค์กรธุรกิจเอกชน มูลนิธิ และสถาบันวิจัยบางแห่ง

หลักการของ UN Global Compact คือ การสนับสนุนให้สมาชิกส่งเสริมทั้งด้านสิทธิมนุษยชน แรงงาน สิ่งแวดล้อม และการต่อต้านการทุจริต ไปพร้อมๆ กัน แต่ถ้าจะถามว่าในสี่เรื่องนี้ GCNT อาจจะเน้นกิจกรรมในช่วงแรกๆ เกี่ยวกับการทำธุรกิจที่เคารพสิทธิมนุษยชนเป็นหลักก่อน เพื่อที่จะส่งเสริมให้ธุรกิจเข้าใจว่าสิทธิมนุษยชนมีความสำคัญและเกี่ยวข้องต่อการทำธุรกิจอย่างไร และภาคธุรกิจต้องทำอะไรบ้างเพื่อที่จะนับว่าเป็นธุรกิจที่เคารพและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน 

ยกตัวอย่างเช่นเรื่องแรงงาน ในสายการผลิตของคุณไม่ควรจะมีการใช้แรงงานที่อายุต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด การทำงานล่วงเวลาควรจะได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสม กระบวนการจัดการหางานควรเป็นไปด้วยความสมัครใจ หรือแม้แต่ในการบริหารองค์กรก็ไม่ควรจะเลือกปฏิบัติ ผู้หญิงควรจะได้สิทธิและโอกาสในการบริหารทัดเทียมกับผู้ชาย หรือสิทธิของแรงงานในการพักผ่อน ความปลอดภัยในที่ทำงาน หรือแรงงานต่างชาติที่เข้ามาทำงานในไทย เขาโดนหลอกมาในลักษณะของเหยื่อการค้ามนุษย์หรือเปล่า น้ำเสียที่คุณปล่อยออกไปจากโรงงานไปทำลายแหล่งน้ำที่ชาวบ้านบริเวณนั้นอาศัยในการดำรงชีวิตหรือเปล่า สิ่งเหล่านี้เป็นประเด็นในการทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องด้านสิทธิมนุษยชนทั้งสิ้น มันเชื่อมโยงกันหมด แต่บางครั้งภาคธุรกิจอาจไม่ได้ตระหนักหรือมองในแง่นี้

ภารกิจยกระดับสิทธิมนุษยชนในกลุ่มธุรกิจ

จากการกำหนดจุดยืนดังกล่าว อย่างน้อยในช่วงสองสามปีนี้ ภารกิจหลักประการหนึ่งของ GCNT จึงมุ่งไปที่การจัดทำคู่มือและหลักสูตรอบรมเพื่อให้ภาคธุรกิจไทยเข้าใจและดูแลด้านสิทธิมนุษยชนในการทำธุรกิจของตนได้ โดยขณะนี้ GCNT กำลังร่วมมือกับพันธมิตรอาทิ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงการต่างประเทศ UNDP (United Nations Development Programme) OECD (Organization Economic Cooperation and Development) และผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชน แปลเนื้อหาจากคู่มือการทำธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ  (Responsible Business Conduct) หรือ RBC ของ OECD - องค์กรซึ่งมีประเทศพัฒนาแล้วเป็นสมาชิก ถือเป็นต้นแบบของการกำกับดูแลเรื่องดังกล่าว

อันนี้เป็นประสบการณ์ที่ได้จากตอนที่เริ่มคุยกับภาคธุรกิจมากขึ้น เราพบว่ามันไม่พอที่จะไปบอกเขาว่า ธุรกิจควรจะส่งเสริมความเป็นศักดิ์ศรีของมนุษย์ เคารพสิทธิมนุษยชนนะ เขาก็จะถามต่อว่า แล้วสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับเขาคือประเด็นไหนบ้าง ต้องทำอย่างไรที่จะส่งเสริมความเป็นศักดิ์ศรีของมนุษย์ จะมีคำถามตามมาเกี่ยวกับวิธีการนำไปปฏิบัติ ซึ่งบางทีคู่มือที่มีก็ไม่ได้อิงเข้ากับภาคธุรกิจจริงๆ โดยเฉพาะในกรณีของไทย ทำให้ไปต่อไม่ได้ ซึ่งตรงนี้สำคัญมาก

เราต้องคิดเหมือนคนผลิตสินค้าว่าขั้นที่หนึ่งถึงสิบคุณต้องทำยังไง เพื่อที่องค์กรธุรกิจจะได้ไปทำต่อได้ ทั้งหมดนี้อยู่ในช่วงการวางหลักสูตร กำหนดแล้วเสร็จไว้อย่างเร็วปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า แน่นอนว่าเราจำเป็นต้องร่วมมือกับภาครัฐ โดยตอนนี้ภาครัฐ คือกระทรวงยุติธรรม ในฐานะแม่งานด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศ กำลังทำร่างเอกสารฉบับหนึ่งเรียกว่าแผนปฏิบัติการชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน  (National Action Plans on Business and Human Rights) เพื่อขับเคลื่อนในระดับนโยบาย ทั้งนี้เป็นไปตามหลักการของ UN ว่าด้วยเรื่องของธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนที่บอกบทบาทไว้ 3 ด้าน คือ หนึ่งภาครัฐจะต้องให้ความคุ้มครองด้านสิทธิมนุษยชน สองภาคเอกชนหรือธุรกิจมีหน้าที่ในการเคารพสิทธิมนุษยชน และสามจะต้องมีการเยียวยา ซึ่งนี่คือหน้าที่ทุกคนต้องมาช่วยกัน      

และถ้าทุกบริษัทได้ไปตรวจสอบประเด็นสิทธิมนุษยชนในระบบการผลิตของตัวเองมาแล้วอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence) ก็จะรู้แล้วว่าอะไรเป็นปัญหา อะไรที่จะต้องปิดช่องว่าง อะไรที่ยังขาดยังเกิน รู้ว่าจุดอ่อน จุดแข็งของตัวเองอยู่ที่ไหน ก็จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะไปละเมิดสิทธิมนุษยชนได้” 

Supply Chain Sustainability = การผลิตที่มีความรับผิดชอบ    

Supply Chain Sustainability ผมเรียกว่ามันเป็นการผลิตที่รับผิดชอบ  ซึ่งหมายความว่าคุณรับผิดชอบต่อคนงาน สิ่งแวดล้อม หรือแม้แต่หลักการบรรษัทภิบาลที่เกี่ยวข้องกับการผลิตนั้นๆ ดังเช่น การที่คุณจะสามารถผลิตโทรศัพท์มือถือได้ 1 เครื่อง ซัพพลายเชนสำหรับชิ้นส่วนต่างๆ ที่มาประกอบร่างเป็นโทรศัพท์ของคุณมีอะไรบ้าง ในกรณีแรงงาน เคยลงไปสอดส่องดูแลไหมว่าโรงงานผลิตน็อตที่อาจจะตั้งอยู่ในต่างจังหวัดนั้นเขาใช้แรงงานต่างชาติผิดกฎหมายหรือแรงงานเด็กหรือเปล่า ดังนั้น กระบวนการผลิตหรือการทำธุรกิจของคุณจะยั่งยืนได้จะต้องมีการตรวจสอบรอบด้าน จะต้องทำแผนภูมิขึ้นมาก่อนว่าในห่วงโซ่อุปทานนั้นมีใครเป็นใครบ้าง แล้วคุณสามารถสอดส่องลงไปได้ถึงที่ไหน ถ้ายังไม่มีก็ควรจะต้องเร่งทำ เพราะว่ามันเป็นจุดอ่อน และเมื่อซัพพลายเชนคุณมีปัญหา สินค้าหรือธุรกิจบริการของคุณก็อาจจะมีปัญหาเช่นกัน เนื่องจากปัญหาดังกล่าวอาจกลายเป็นประเด็นลุกลามใหญ่โตขึ้นมาได้

ดังนั้น การที่สมาชิกทั้ง 40 บริษัทของสมาคมฯ จะสามารถดำเนินธุรกิจยั่งยืนได้อย่างแท้จริงเขาจะต้องกลับไปดูในห่วงโซ่อุปทานของตัวเองด้วย ซึ่งหมายความว่าทุกบริษัทที่อยู่ในซัพพลายเชนนั้นก็จะต้องทำธุรกิจอย่างยั่งยืนตามไปด้วย เพราะตอนนี้กระบวนการผลิตของโลกซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ มีแหล่งผลิตจากทั่วโลก ซัพพลายเออร์กระจัดกระจาย บริษัทใหญ่จึงต้องมีบทบาทในการยกระดับให้บริษัทกลางและบริษัทเล็กสามารถปรับตัวได้ช่วยส่งเสริมให้บริษัททุกขนาดที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานสามารถทำธุรกิจอย่างยั่งยืนได้เช่นเดียวกัน 

แนวทางส่งเสริมด้านสิทธิมนุษยชนของเครือเจริญโภคภัณฑ์ 
    สำหรับเครือเจริญโภคภัณฑ์ ซึ่งหลายบริษัทในเครือฯ เป็นสมาชิกสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทยด้วย และต่างเป็นองค์กรใหญ่ มีซัพพลายเชนที่ซับซ้อน เราก็คงต้องพยายามที่จะสอดส่องที่จะลดปัญหาให้ได้มากที่สุด นำไปสู่โจทย์ที่ต้องทำ  Human Rights Due Diligence เพื่อที่จะทราบว่าปัญหาหรือโอกาสในการเกิดปัญหาอยู่ตรงไหน ช่องว่างมันอยู่ตรงไหน อะไรที่ยังไม่ได้ทำ สิ่งที่เกิดขึ้นในเครือฯ ที่ทำแล้วคือการสำรวจหา Salient Human Rights Issue หรือประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนที่มีความสำคัญต้องเฝ้าระวัง ออกมาเป็น 5 ด้านที่จะต้องให้ความสำคัญ ได้แก่ ความปลอดภัยและอาชีวอนามัย แรงงานบังคับ การใช้แรงงานเด็ก การเลือกปฏิบัติ และผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งก็ส่งผลให้ของการจ้างแรงงานต่างชาติตอนนี้ ทาง CPF เป็นบริษัทที่คนงานอยากจะมาทำงานด้วย เพราะมีชื่อเสียงดี ให้สิทธิประโยชน์และผลตอบแทนดี ก็ช่วยได้ในแง่ความมีชื่อเสียงเป็นที่น่าเชื่อถือ


ABOUT THE AUTHOR
ดร.เนติธร ประดิษฐ์สาร 
กรรมการและรองเลขาธิการ GCNT
ผู้ช่วยบริหาร ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์

ข่าวยอดนิยม

เครือเจริญโภคภัณฑ์บริษัทข้ามชาติแห่งแรกในจีนจดทะเบียนการค้าหมายเลข 000...

17 พฤษภาคม 2560
26576

การบริหารงานบุคคลของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ในยุค 4.0...

08 พฤศจิกายน 2560
21872

โครงการเลี้ยงไก่ไข่อาหารกลางวันนักเรียน การ “ให้” อย่างมีคุณค่า ทั้งด้...

03 กรกฎาคม 2558
20471

Cage Free Eggs ไข่จากแม่ไก่ที่เลี้ยงแบบธรรมชาติ เพื่อสุขภาพของผู้บริโภ...

18 กรกฎาคม 2562
12442

แชร์ข่าวสาร

ภารกิจ R&D ซีพีเอฟ.. เป็นมากกว่างานวิจัย... ทรูมูฟ เอชเปิดจอง “Samsung Galaxy Note10 | Note10+” ราคาพิเศ...

ข่าวที่น่าสนใจ

อ่านข่าวทั้งหมด อ่านข่าวทั้งหมด

“มาริษา เจียรวนนท์” บนเส้นทางรังสรรค์ อาหารเพื่อสังคม ผ่านมูลนิธิ CHEF...

23 พฤศจิกายน 2564
3786

สูตรรอด 'CPF' อยู่ร่วมโควิด กระจายความเสี่ยง 47 ประเทศ...

30 สิงหาคม 2564
3529

ทำความรู้จัก “สบขุ่นโมเดล”: CP ร่วมพัฒนา พลิกเขาหัวโล้นให้กลายเป็นผืนป...

13 กรกฎาคม 2564
4297

CP ชูกลยุทธ์ขับเคลื่อน Social Enterprise ผู้นำหญิงนักพัฒนา ก้าวสู่ชุมช...

07 กรกฎาคม 2564
4174

เครือเจริญโภคภัณฑ์
Copyright 2016.
Privacy Policy | Rules & Regulations

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง

  • ความรู้คู่คุณธรรม: www.truepookpanya.com
  • CP-Enews ปี 2013: news.cpfworldwide.com
  • CP-Enews ปี 2012: www.cpthailand.com/enews

ติดต่อเรา

สำนักกิจกรรมสื่อสารองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์ เลขที่ 18 อาคาร ทรู ทาวเวอร์ ชั้น 25 ถนนรัชดาภิเษก แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10310

  • โทรศัพท์ : 02-858-6286 / 02-858-2564 / 02-858-3721-2
  • โทรสาร : 02-858-3726
  • อีเมล์ : prcpgroup@cp.co.th