คอมพิวเตอร์ยุคสมัยแรกถูกออกแบบเพื่อคำนวนค่าต่างๆ โดยเฉพาะการคำนวนที่เกี่ยวข้องกับการสงคราม มันถูกใช้คำนวนวิถีการยิงตอร์ปิโดใต้น้ำสู่เรือเป้าหมาย หรือคำนวนสูตรระเบิดไฮโดรเจน หลักการเคลื่อนที่สัมพันธ์ ตรีโกณมิติ และ พีชคณิต รวมถึงสูตรทางคณิตศาสตร์อื่นๆ ถูกกำหนดไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ ทันทีที่ได้รับโจทย์คอมพิวเตอร์ก็สามารถหาผลลัพธ์กลับได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว สมัยนั้นเครื่องคอมพิวเตอร์คือสุดยอดเครื่องมือของนักคณิตศาสตร์ในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนทางด้านการคำนวน
เมื่อเวลาผ่านไป คอมพิวเตอร์ถูกใช้งานแพร่หลายมากขึ้น มีการพัฒนาคุณสมบัติต่างๆ เพิ่มเติม อาทิ สามารถบันทึกข้อมูลเก็บไว้ได้ คำนวนได้รวดเร็วมากกว่าเดิม คิดโจทย์ที่ซับซ้อนได้มากขึ้น มนุษย์เริ่มตั้งคำถามถึงศักยภาพของคอมพิวเตอร์ในแง่มุมต่างๆ เป็นต้นว่า นอกจากคำนวนตัวเลขได้แล้วคอมพิวเตอร์สามารถคิดตัดสินใจได้เหมือนมนุษย์หรือไม่? เป็นไปได้ไหมที่จะใส่อารมณ์และความรู้สึกลงไปไว้ในคอมพิวเตอร์? หรือสามารถให้คอมพิวเตอร์เรียนรู้ด้วยตัวเองได้ไหม? คำถามดังกล่าวทำให้เกิดสาขาใหม่ทางด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ขึ้นมา มีชื่อเรียกว่า Artificial Intelligent หรือย่อสั้นๆ ว่า AI
AI คือสมองกลหรือปัญญาในแบบฉบับของเครื่องจักร ซึ่ง AI ตัวแรกของโลกได้นำเอาเทคนิคทางสถิติมาประยุกต์เพื่อสร้างโปรแกรมหมากฮอส ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถคิดเองได้ว่าจะวางตาหมากอย่างไรให้ชนะผู้เล่นที่เป็นมนุษย์ โปรแกรมหมากฮอสในยุคแรกนี้แม้จะเล่นแพ้เป็นส่วนใหญ่ แต่ได้จุดประกายให้กับนักวิทยาศาสตร์ทางด้านคอมพิวเตอร์ และดึงดูดการลงทุนอันมหาศาลจากภาครัฐและเอกชน
ในยุคแรก AI ส่วนใหญ่จะใช้เทคนิคในการเขียนโปรแกรมเลียนแบบพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิตและมนุษย์ เพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถคิดได้ราวกับว่ามันมีสมองหรือปัญญา เช่น มีการศึกษาการขนอาหารของฝูงมดไปเก็บที่รัง ถ้าเอาของไปขวางทางเดินมัน ทำไมมดจึงรู้ว่าต้องเดินไปทางไหนถึงจะใกล้ที่สุด? ในยุคนั้นจึงมีการร่วมมือกันระหว่างนักชีววิทยาและนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์เพื่อถอดรหัสในการขนอาหารของมด ประยุกต์จนกลายเป็นโปรแกรมวางแผนเส้นทางขนส่ง นอกจากนี้ยังมีการร่วมมือระหว่างนักภาษาศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์เพื่อสร้างโปรแกรมที่สามารถพิมพ์คุยโต้ตอบกับมนุษย์ได้โดยวิเคราะห์คำในประโยคที่ถูกป้อนเข้ามาแล้วเลือกคำตอบที่สอดคล้องกลับไป สร้างความประหลาดใจให้กับผู้ใช้งานว่าคอมพิวเตอร์นั้นสามารถเข้าใจข้อความของมนุษย์ได้ด้วย ในส่วนของภาคอุตสาหกรรมก็ได้มีความพยายามจำแนกแนวทางการแก้ไขปัญหาด้านต่างๆ ออกเป็นระบบขั้นตอน และโปรแกรมลงบนระบบผู้เชี่ยวชาญ (expert system) เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถแก้ไขปัญหาด้วยตนเองเบื้องต้นราวกับมีผู้เชี่ยวขาญคอยให้คำแนะนำอยู่ใกล้ๆ เป็นต้นว่า ถ้าลำโพงไม่มีเสียง โปรแกรมจะแนะนำให้สำรวจว่าเสียบสายเคเบิลเรียบร้อยดีไหม ติดตั้งไดรเวอร์หรือยัง
เมื่อเวลาผ่านไป ศาสตร์ของ AI นั้นได้แตกย่อยออกไปอีกหลายสาขาวิชา ในส่วนที่เรียกว่า Machine Learning นั้น คอมพิวเตอร์สามารถคิดและเรียนรู้เองได้ด้วยตนเองจากข้อมูลที่ให้ไว้ ยิ่งข้อมูลที่ให้ไว้มีจำนวนมากเท่าไหร่ AI ก็จะยิ่งฉลาดมากขึ้นเท่านั้น ก่อนหน้านี้เราอาจถูกรบกวนด้วยอีเมล์ขยะอยู่บ่อยๆ จนกระทั่งผู้ใช้งานบางกลุ่มได้แจ้งไปยังส่วนกลางเมื่อพบอีเมล์ขยะ เมื่อได้รับรายงานจำนวนมากพอ ระบบก็สามารถกรองอีเมล์ขยะออกจากอีเมล์อื่นๆ ได้โดยดูจากเนื้อหาของอีเมล์ เทคนิคเดียวกันนี้ได้นำไปใช้กับการวิเคราะห์โซเชียลมีเดียเพื่อดูว่าผู้คนกำลังตำหนิหรือชมเชยสินค้าโดยที่ไม่ต้องให้พนักงานฝ่ายการตลาดคอยเฝ้ามองหน้าจอตลอดเวลา ใช้จำแนกประเภทของลูกค้าออกเป็นกลุ่มต่างๆ ตามลักษณะการซื้อของ ใช้แสดงโฆษณาให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายตามพฤติกรรมการท่องเน็ต ตลอดจนใช้หาจุดการก่อตัวของมะเร็งจากแผ่นฟิล์มเอ็กซเรย์ ทั้งหมดนี้โปรแกรมเมอร์ไม่ต้องทำการโปรแกรมทีละขั้นตอนเหมือนในอดีตอีกต่อไป เพียงแต่จัดเตรียมข้อมูลให้เหมาะสมเพื่อให้คอมพิวเตอร์ได้เรียนรู้
การพัฒนา AI ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ในปัจจุบัน AI นิยมใช้เทคนิค Deep Learning ที่เลียนแบบรูปแบบการคิดของสมองมนุษย์ ซึ่งแท้จริงแล้วแนวคิดนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ มีความพยายามเลียนแบบการทำงานของเครือข่ายประสาทในสมองขึ้นตั้งแต่ยุคแรกๆ ที่มี AI แล้ว แต่ด้วยประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์สูงขึ้น จึงสามารถจำลองเครือข่ายให้ซับซ้อนหลายชั้นมากขึ้น ทำให้ศักยภาพของ AI พุ่งทยานขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ปัจจุบันเราสามารถบอกเป้าหมายให้ว่าต้องการอะไร ที่เหลือ AI สามารถคิดและตัดสินใจได้เองได้ด้วยตนเอง
เดิมทีมีการคาดการณ์ว่าคอมพิวเตอร์ไม่สามารถที่จะเอาชนะมนุษย์ได้ในเกมหมากล้อม เนื่องจากการวางหมากแต่ละเม็ดนั้นต้องอาศัยวิสัยทัศน์ตั้งแต่ต้นจนจบเกม แต่ด้วยเทคนิคของ Deep Learning ที่มีการจัดเตรียมข้อมูลการเดินหมากจำนวน 30 ล้านรูปแบบใส่เข้าไปเพื่อให้ AI รู้จักรูปแบบการเดินหมากที่ดีที่สุด และทำการเรียนรู้โดยการเล่นแข่งกับตัวเอง ตัวไหนชนะก็จะทำการก็อปปี้ตัวนั้นมาเป็นคู่แข่งรายต่อไปนับสิบล้านกระดาน เมื่อมาแข่งกับมนุษย์ AI ก็สามารถเอาชนะแชมป์โลกได้อย่างขาดลอย
ปัจจุบันมีการประยุกต์ใช้ Deep Learning สู่โดเมนต่างๆ โดย AI สามารถแต่งเพลงให้สอดคล้องกับแต่ละฉากของภาพยนตร์ได้อย่างอัตโนมัติ สามารถเรียบเรียงสาระสำคัญจากบทความวิชาการเกี่ยวกับแบตเตอรี่ตลอดสามปีที่ผ่านมารวมเป็นหนังสือให้มนุษย์อ่านได้ สามารถเขียนบทความได้เองจากหัวข้อที่กำหนดให้ สามารถสร้างภาพถ่ายปลอมของคนที่ไม่ได้มีตัวตนอยู่บนโลก สามารถแยกแยะผู้คนและระบุชนิดของสิ่งต่างๆ ที่เคลื่อนไหวผ่านกล้อง สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าและนำเสนอสินค้าที่เหมาะสมได้ ตลอดจนสามารถแปลอักขระโบราณที่เป็นปริศนาของนักโบราณคดีมาช้านาน
ทั้งหมดนี้คือผลงานของ AI ในช่วงประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา จากนี้ต่อไปศักยภาพของ AI จะเข้มข้นขึ้นอย่างมาก และมีบทบาทในทุกๆ เรื่อง องค์กรธุรกิจที่ค้นพบการใช้ AI เพื่อยกระดับงานของตัวเองจะได้เปรียบเหนือคู่แข่งในทุกๆ แง่มุม ในทางตรงกันข้าม องค์กรที่ละเลยศักยภาพส่วนนี้ไปหรือตามเทคโนโลยีไม่ทันก็จะถูก disrupt อย่างแน่นอน