“ท่านประธานอาวุโสธนินท์ เจียรวนนท์” ในฐานะนายกสมาคมนักธุรกิจชาวจีนโพ้นทะเลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศเมียนมา ชี้มีโอกาสทางธุรกิจมากมาย เชิญชวนนักธุรกิจชาวจีนโพ้นทะเลจากทั่วโลกเข้าไปลงทุน แนะแนวทางลงทุนอย่างยั่งยืนต้องให้ความสำคัญกับคนและเทคโนโลยี พร้อมสร้างประโยชน์ให้ประเทศและประชาชนของเมียนมา เหมือนกับแนวคิดปรัชญา “3 ประโยชน์” ของซีพี
เมื่อไม่นานมานี้ ท่านประธานอาวุโสธนินท์ เจียรวนนท์ ในฐานะนายกสมาคมนักธุรกิจชาวจีนโพ้นทะเลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้แสดงวิสัยทัศน์หัวข้อ “การสร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ของประเทศเมียนมา ผ่านการปฏิรูปทางเศรษฐกิจ ภายใต้โครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ของอาเซียน และแนวคิด “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” (One Belt One Road)” ในพิธีเปิดการประชุมนักธุรกิจชาวจีนโพ้นทะเลโลก ครั้งที่ 14 (The 14th World Chinese Entrepreneurs Convention) ซึ่งจัดขึ้น ณ กรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา ระหว่าง 15-17 ก.ย. ที่ผ่านมา ถือเป็นเวทีการประชุมครั้งสำคัญที่มีนักธุรกิจชาวจีนโพ้นทะเลจากทั่วโลกมาร่วมกันระดมแนวคิดธุรกิจใหม่ๆ และแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับทิศทางและโอกาสพัฒนาธุรกิจในประเทศเมียนมาสำหรับนักธุรกิจชาวจีนโพ้นทะเลทั่วโลก ทั้งนี้โดยมีบุคคลสำคัญจากประเทศต่าง ๆ ให้ร่วมงานอย่างมากมาย เช่น นายสวู ยิ่วเซิง รองนายกรัฐมนตรี สำนักงานกิจการชาวจีนโพ้นทะเล สาธารณรัฐประชาชนจีน และ นางแคร์รี่ แลม ผู้ว่าการเขตปกครองพิเศษฮ่องกง และ รองประธานาธิบดีคนที่ 1 ของเมียนมา เป็นต้น โดยท่านประธานอาวุโสธนินท์เชื่อมั่นในประเทศเมียนมา โดยมองว่ายังมีโอกาสทางธุรกิจในประเทศเมียนมาอีกมากมาย
ในการนี้ ท่านประธานอาวุโสธนินท์ มีความเห็นว่าประเทศเมียนมามีศักยภาพและได้ข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ โดยเฉพาะการเป็นประเทศเพื่อนบ้านกับสาธารณรัฐประชาชนจีน อินเดีย และอยู่ในศูนย์กลางของอาเซียนซึ่งมีประชาการรวมกันเท่ากับ 3,300 ล้านคน ถือเป็นตลาดที่ยิ่งใหญ่ และที่สำคัญมีพลังงานจากน้ำ ซึ่งจะเป็นพลังงานที่สำคัญในอนาคตของยุค 4.0 เนื่องจากพลังงานจากน้ำมันจะถูกทดแทนด้วยพลังงานจากน้ำ อีกทั้งในอดีตเมื่อ 70 ปีที่แล้วเมียนมาเป็นประเทศที่ส่งออกข้าวเป็นอันดับ 1 ของโลก แสดงให้เห็นถึงการเป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การพัฒนาด้านเกษตร
นอกจากนี้ท่านประธานอาวุโสธนินท์ กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศเมียนมากำลังปฏิรูปทางเศรษฐกิจและเปิดต้อนรับการลงทุนจากต่างประเทศ จึงถือเป็นโอกาสอันดีของนักธุรกิจชาวจีนโพ้นทะเลที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศนี้ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ทั้งนี้ท่านประธานอาวุโสธนินท์ได้เสนอว่าในการเข้ามาลงทุนในประเทศเมียนมา ต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นแก่ประเทศและประชาชนของเมียนมา ดังปรัชญา “3 ประโยชน์” ที่เครือซีพียึดถือและปฏิบัติมาโดยตลอด นอกจากนี้ได้แนะนำให้นักธุรกิจชาวจีนโพ้นทะเลฯที่สนใจจะเข้าไปลงทุนในเมียนมาให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี และการพัฒนาบุคลากรในประเทศเมียนมาด้วย ทั้งนี้เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งต่อธุรกิจและต่อประเทศเมียนมา
ข้อมูล : สำนักประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์
ภาพ : http://www.chinaqw.com