ตอนอายุประมาณ 18 ปี ผมเพิ่งเดินทางจากฮ่องกงกลับกรุงเทพฯ และได้พบกับคุณหญิงเทวี ภรรยาของผมเป็นครั้งแรกโดยบังเอิญที่สวนดอกไม้แห่งหนึ่ง ในใจของผมคิดว่า “คุณหญิงสวยราวกับนางฟ้าบนดิน” ตอนนั้นคุณหญิงก็กำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่นอายุประมาณ 17 ปี และรู้จักมักคุ้นกับพี่ๆ ของผมมาก่อนแล้ว ทั้งยังเป็นญาติของเพื่อนผมที่ทำงานอยู่ที่หน่วยงานธุรกิจอาหารสัตว์ของเราตั้งแต่สมัยที่ท่านประธานมนตรีบริหารอยู่
บ้านญาติของคุณหญิงอยู่หลังบริษัทของเรา คุณหญิงมักจะมาพักผ่อนหย่อนใจที่สวนหลังบริษัทของเราเสมอๆ ผมชอบการถ่ายรูปมาตั้งแต่เด็ก ครั้งหนึ่งผมไปเที่ยวทะเล และได้พบกับคุณหญิง ผมมีโอกาสได้ถ่ายรูปให้คุณหญิงด้วย ซึ่งปัจจุบันรูปถ่ายใบนั้นก็ยังถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี
หลังจากที่ได้รู้จักกับคุณหญิงเทวีในครั้งนั้นแล้ว ผมก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กับคุณหญิงอีก ตอนนั้นผมอายุยังน้อย ไม่ได้ไปเรียนต่อที่ออสเตรเลีย และเพิ่งเริ่มทำงาน ตำแหน่งงานของผมก็เป็นเพียงพนักงานเล็กๆ คนหนึ่ง ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับคุณหญิง และยังไม่พร้อมที่จะมีความรัก ผมจึงทุ่มเทกำลังทั้งหมดไปที่งาน
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วราวชั่วพริบตา ในตอนที่ผมอายุ 22 ปี ก็ได้พบคุณหญิงโดยบังเอิญอีกครั้งในงานแต่งงานของเพื่อน ตอนนั้นคุณหญิงยังไม่ได้แต่งงาน และยังไม่มีคนรัก ขณะที่การงานของผมที่สหกรณ์ก็
กำลังไปได้ดี มีความสำเร็จในหน้าที่การงานบ้างแล้ว ผมจึงตัดสินใจขอคุณหญิงแต่งงาน ผมเริ่มสร้างครอบครัวตอนอายุ 23 ปี เราทั้งสองมีทายาท 5 คน เป็นลูกชาย 3 คน และลูกสาว 2 คน
ครอบครัวกับธุรกิจ
ผมเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะไม่ให้ลูกชายเข้ามาทำงานในธุรกิจดั้งเดิมของเครือฯ นั่นคือเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร ผมยังยืนยันเช่นนั้น สุภกิต ซึ่งเป็นลูกชายคนโต เป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดี มีเพื่อนฝูงมากมาย เขาเป็นคนดี คนที่รู้จักต่างก็ชอบเขา สุภกิตรับผิดชอบดูแล “ทรู วิชั่นส์” (True Visions : ธุรกิจให้บริการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก) ตั้งแต่เริ่มต้น ปัจจุบันสุภกิตยังดูแลการลงทุนขนาดใหญ่ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ และธุรกิจค้าปลีกในประเทศจีนอีกด้วย
ณรงค์ ลูกชายคนที่สอง เป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูงมาก ผมมอบหมายงานขยายธุรกิจโลตัส ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นกิจการไฮเปอร์มาร์เก็ตในจีนให้เขาดูแล แต่จากการที่เขาไม่มีอำนาจบริหารงานอย่างเต็มที่ ทำให้แนวคิดหลายอย่างไม่ได้นำไปใช้ปฏิบัติจริง ธุรกิจจึงยังขยายไม่ได้ตามเป้าหมายที่เขาวางไว้ แม้ณรงค์จะประสบกับปัญหาอุปสรรค และความยากลำบากในการทำงานเพียงใด ก็ไม่เคยท้อแท้ หรือบ่นให้ผมได้ยินแม้แต่น้อย
ศุภชัย ลูกชายคนที่สาม เดิมทีเขาเริ่มทำงานในตำแหน่งผู้บริหารในบริษัทที่ทำธุรกิจผลิตพีวีซี ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างเครือเจริญ-โภคภัณฑ์และบริษัทของเบลเยี่ยม ต่อมาศุภชัยได้รับการโอนย้ายให้มารับผิดชอบธุรกิจโทรคมนาคมของเครือฯ โดยผมให้เริ่มจากโทรศัพท์พื้นฐาน (โทรศัพท์บ้าน) เพื่อตั้งต้นเรียนรู้ขึ้นไปทีละขั้น ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจเอเชียปีพ.ศ. 2540 ธุรกิจโทรคมนาคมของเราได้รับผลกระทบเช่นกัน ธนาคารเจ้าหนี้หลายแห่งที่ศุภชัยเข้าไปเจรจาเรื่องแผนการปรับปรุงธุรกิจจนเกิดความเชื่อมั่น ได้เสนอแนะให้ศุภชัยดำรงตำแหน่งซีอีโอของบริษัท ซึ่งต่อมาธุรกิจนี้ก็สามารถผ่านพ้นวิกฤตมาได้และพัฒนาเติบโตกลายเป็น บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในทุกวันนี้
สำหรับแนวทางการสืบทอดธุรกิจ ผมได้ปรึกษากับพี่ชายทั้งสามคนแล้ว และกำหนดแนวทางคร่าวๆ ไว้ว่า ขั้นตอนแรก ผมจะดำรงตำแหน่งประธานอาวุโสของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ให้สุภกิตดำรงตำแหน่งประธาน และศุภชัยดำรงตำแหน่งซีอีโอ โดยระหว่าง 10 ปีถัดจากนี้ไป เราต้องสร้างว่าที่ซีอีโอคนใหม่ของเครือฯ ขึ้นมารับช่วงต่อ ผมคิดว่าผู้บริหารระดับสูงควรมีวาระการบริหารงานที่ระยะเวลา 10 ปีจะเหมาะสมที่สุด เพราะ 5 ปีนั้นอาจสั้นเกินไป แต่หลังจาก 10 ปี ผมก็จะลงจากตำแหน่งประธานอาวุโส สุภกิตซึ่งเป็นลูกชายคนที่หนึ่งก็จะมารับตำแหน่งประธานอาวุโสแทนผม ส่วนศุภชัยลูกชายคนที่สาม ก็จะมาดำรงตำแหน่งประธานของเครือฯ ตำแหน่งซีอีโอที่ว่างลงหลังจากศุภชัยพ้นวาระ ก็จะมีผู้บริหารคนใหม่มาดำรงตำแหน่งต่อไป
เมื่อเล่าถึงครอบครัว ผมอยากจะขอกล่าวถึงท่านเจี่ย เอ็กชอ คุณพ่อของผม ซึ่งในช่วงการปฏิวัติวัฒนธรรมจีนนั้น คุณพ่อสูญเสียกิจการทุกอย่างในประเทศจีน ท่านต้องอาศัยอยู่ในฮ่องกงและสิงคโปร์ ส่วนผมอยู่ในประเทศไทย จึงมีโอกาสพบคุณพ่อน้อยมาก แต่ทุกครั้งที่ได้พบกัน ท่านจะถ่ายทอดข้อคิดดีๆ ให้ผมฟังอยู่เสมอ ซึ่งช่วยจุดประกายความคิดให้ผมนำไปต่อยอดได้เป็นอย่างดี จนกระทั่งหลังจากท่านเติ้ง เสี่ยวผิง ได้กลับมามีอำนาจทางการเมือง ทำให้การติดต่อระหว่างคนไทยกับคนจีนกลับเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้ง ซึ่งช่วงแรกของการปฏิรูปเศรษฐกิจและเปิดประเทศจีนนั้นคุณพ่อได้แนะนำและพาผมกลับไปประเทศจีน เพื่อปรึกษาหารือการเข้าไปทำธุรกิจในจีน ช่วงเวลานั้นคุณพ่อซึ่งมีอายุมากแล้ว ท่านได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของจีน และเพิ่งจะมีโอกาสได้กลับมาใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ และท่านผู้ซึ่งเคยเผชิญทั้งมรสุมแห่งชีวิตและการประสบความสำเร็จ ก็ได้เสียชีวิตบนผืนแผ่นดินไทยแห่งนี้ในปีพ.ศ. 2526
แปลและเรียบเรียงโดย :
- คุณภรณี จิรวงศานนท์ สำนักประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์
- มร. หวง เหวยเหว่ย ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายพัฒนาโครงการ บริษัท ซีที อินฟราสตรักเจอร์ ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด
ที่มา : http://www.nikkei.com/article/DGXKZO05416270Z20C16A7BC8001/