เครือเจริญโภคภัณฑ์มีธุรกิจหลัก 3 กลุ่ม ในประเทศไทยได้แก่ ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร ธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจโทรคมนาคม อันที่จริงผมไม่ได้ตั้งใจจะทำธุรกิจโทรคมนาคมตั้งแต่แรก จากในอดีตความหลากหลายทางธุรกิจของเครือเจริญโภคภัณฑ์ล้วนแต่พัฒนามาจากพื้นฐานการเกษตร กล่าวคือ อาหารสัตว์ กิจการเลี้ยงไก่ กิจการเลี้ยงหมู ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจโทรคมนาคมเลย
เข้าสู่ธุรกิจโดยไม่คาดฝัน
จากจุดเริ่มต้นเรื่อยมาจนถึงทศวรรษที่ 2520 กิจการด้านโทรศัพท์ในประเทศของไทยนั้น อยู่ภายใต้การบริหารและให้บริการโดยองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยเพียงองค์กรเดียวเท่านั้น รูปแบบเช่นนี้มีจุดอ่อนหลายประการ เช่น ประการแรก การที่องค์การโทรศัพท์เป็นผู้ให้บริการรายเดียวจึงส่งผลต่อประสิทธิภาพในการขยายการใช้งานโทรศัพท์ไปสู่ครัวเรือนที่ทำได้ช้ามาก ประการที่สอง การขอติดตั้งโทรศัพท์ต้องรอคิวนานหลายปี ทั้งหมดนี้ทำให้โทรศัพท์ไม่เป็นที่แพร่หลายในครัวเรือนเท่าที่ควร กระทั่งในปีพ.ศ. 2531 หลังจากประเทศไทยมีการเลือกตั้ง และพลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ จึงได้เริ่มการปฏิรูปกิจการโทรคมนาคมขึ้น
รัฐบาลไทยตัดสินใจเปิดเสรีกิจการโทรคมนาคมให้บริษัทและภาคเอกชนจากทั่วโลกเข้ามาลงทุนเพื่อส่งเสริมให้มีการใช้โทรศัพท์ในวงกว้าง ซึ่งบริษัทธุรกิจโทรคมนาคมรายใหญ่ๆ ของประเทศต่างๆ เช่น อังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศส ต่างก็สนใจเข้ามาร่วมประมูลด้วย
สังคมต่างก็คาดหวังให้มีบริษัทของไทยเข้าร่วมประมูลครั้งนี้ แต่เนื่องจากการเข้าร่วมประมูลจำเป็นต้องชำระเงินประกันก้อนใหญ่ ซึ่งสมัยนั้นนอกจากบริษัทปูนซิเมนต์ไทยแล้ว ก็มีเพียงเครือเจริญโภคภัณฑ์เท่านั้นที่มีคุณสมบัติในการเข้าร่วม ภายหลังบริษัทปูนซิเมนต์ไทยได้ถอนตัวไป ผลปรากฎกว่าเครือฯ สามารถชนะการประมูลบริษัทต่างชาติ และได้รับสิทธิ์ในการบริหารกิจการบริการโทรศัพท์พื้นฐานให้กับคนไทยได้ในที่สุด
ต่อมาเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้ลงทุนในธุรกิจโทรศัพท์ด้วยเม็ดเงินจำนวนมหาศาล ถึงแม้ว่าระหว่างนั้นจะมีการเปลี่ยนบริษัทต่างชาติที่มาร่วมลงทุนกับเราบ้าง แต่ก็กล่าวได้ว่านับตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 2530 เครือฯ ได้มีส่วนปฏิรูปและสร้างคุณูปการให้กับกิจการโทรคมนาคมของประเทศ ทำให้การใช้โทรศัพท์พื้นฐานแพร่หลายในกรุงเทพฯ จากเดิมที่ต้องรอการติดตั้งโทรศัพท์หลายปี ก็สามารถร่นเวลาทำได้อย่างรวดเร็วภายใน 1 สัปดาห์เท่านั้น ธุรกิจโทรคมนาคมเติบโตขึ้นจนกลายเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักของเครือฯ ภายใต้การบริหารของ True Corporation หรือ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
ในช่วงดังกล่าว เรายังไม่ได้สนใจการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งหากเราร่วมประมูลและได้รับสิทธิ์ในการบริหาร ผมเชื่อว่าธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ของเราจะเติบโตและให้บริการลูกค้าได้อย่างแข็งแกร่งกว่านี้มาก
เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้เริ่มพัฒนากิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบครบวงจร เมื่อเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 เราก้าวจนตามทันบริษัทที่เข้าสู่ธุรกิจนี้ก่อนหน้าเรา 2 บริษัทได้ด้วยนวัตกรรมรูปแบบการให้บริการใหม่ๆ ที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง รวมถึงอัตราค่าบริการพิเศษ ทรู (True) จึงกลายเป็นบริษัทที่บริหารกิจการโทรคมนาคมครอบคลุมทุกด้านเพียงรายเดียวในประเทศไทย เกิดเป็น “True Convergence” ซึ่งประกอบด้วยโครงข่ายโทรศัพท์ เคเบิลทีวี และอินเทอร์เน็ต
เมื่อเร็วๆ นี้ ทรูยังได้ประมูลคลื่น 4G หรือระบบสื่อสารไร้สายความเร็วสูงระยะที่ 4 โดยได้รับใบอนุญาตคลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิร์ต (MHz) ทำให้นอกจากทรูจะเป็นผู้ให้บริการ 4G รายแรกแล้ว ยังทำให้ทรูเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ถือครองคลื่นความถี่มากที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย นับเป็นโอกาสที่ดีในการขยายฐานลูกค้าและยกระดับความสามารถด้านการให้บริการของเราได้ดียิ่งขึ้น
เดิมทีผมไม่คิดว่าธุรกิจโทรคมนาคมจะมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักของเครือเจริญ-โภคภัณฑ์อย่างธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร และธุรกิจค้าปลีก แต่ปัจจุบันกลับมีบทบาทเป็นอย่างมาก เราสามารถซื้อซิมการ์ดชนิด prepaid ของทรูและโทรศัพท์มือถือได้ที่ร้าน 7-Eleven การได้สิทธิ์ในการบริหารเครือข่ายโทรคมนาคม ยังทำให้เครือฯ มีโอกาสเข้าสู่ธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) และธุรกิจเคเบิลทีวีอีกด้วย
บทเรียนที่ขื่นขม
ช่วงปลายทศวรรษ 2520 ถึงต้นทศวรรษ 2530 เศรษฐกิจของประเทศไทยเติบโตเป็นร้อยละ 10 มาโดยตลอด จนถูกขนานนามว่า “ความมหัศจรรย์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” เครือเจริญโภคภัณฑ์เองก็ขยายธุรกิจตามการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศเช่นกัน ช่วงเวลานั้นทุกอย่างดูดีเกินความเป็นจริง หลายบริษัทในประเทศไทยรวมถึงเครือฯ ต่างเร่งขยายการเติบโตทางธุรกิจ และเพิ่มการกู้เงินจากต่างประเทศ แต่วิกฤตการเงินเอเชียในปี 2540 ทำให้ผมตระหนักว่านั่นไม่ใช่การเติบโตที่แท้จริง
แปลและเรียบเรียงโดย :
- คุณภรณี จิรวงศานนท์ สำนักประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์
- มร. หวง เหวยเหว่ย ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายพัฒนาโครงการ บริษัท ซีที อินฟราสตรักเจอร์ ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด
ที่มา : http://www.nikkei.com/article/DGXKZO05138540S6A720C1BC8001/