เมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2533 ผมได้มีโอกาสพบกับท่านเติ้ง เสี่ยวผิง ผู้นำสูงสุดของประเทศจีนที่ปักกิ่ง แม้ก่อนหน้านั้นผมจะเคยได้ร่วมกับคณะนายกรัฐมนตรีของไทยไปพบท่านมาแล้วหลายครั้ง แต่ครั้งนี้ท่านให้ผมเข้าพบในฐานะประธานเครือเจริญโภคภัณฑ์ แม้ว่าจะอยู่ในวัย 85 ปี แต่ท่านก็ยังพูดคุยด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนและสดใส
“ชื่อของพวกคุณพี่น้อง ตั้งได้ดีมาก” ท่านเติ้ง เสี่ยวผิง จับมือผมพลางพูดถึงชื่อภาษาจีนของพวกเราพี่น้องทั้งสี่คน ซึ่งก่อนหน้านี้ผมได้เคยบอกไปแล้วว่า คุณพ่อของผมเป็นผู้ตั้งชื่อให้พวกเรา ได้แก่ เจิ้งหมิน ต้าหมิน จงหมิน และกั๋วหมิน (ผม) เมื่อนำคำหน้ามารวมกันจะได้คำว่า “เจิ้งต้า จงกั๋ว” ซึ่งแปลว่า ยุติธรรม และประเทศจีน หรือเป็นประโยคที่ความหมายโดยรวมว่า “เพื่อให้ประเทศจีนเดินตามเส้นทางที่ถูกต้อง และพัฒนาให้ยิ่งใหญ่ เข้มแข็ง”
ย้อนไปในปีพ.ศ. 2532 ประเทศจีนเกิดความวุ่นวายทางการเมือง ท่านจ้าว จื่อหยาง (Zhao Ziyang) ซึ่งเป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งชาติจีนในตอนนั้นต้องลงจากอำนาจ ในขณะที่บริษัทต่างชาติทยอยถอนการลงทุนจากประเทศจีน แต่เครือเจียไต๋ (ชื่อของเครือเจริญโภคภัณฑ์ที่ประเทศจีน) กลับเพิ่มการลงทุนโดยไม่ลังเลใจใดๆ ทั้งสิ้น
เราเป็นบริษัทแรกๆ ที่เข้าไปลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ท่านเติ้ง เสี่ยวผิง ตั้งขึ้น ท่านผู้นำสูงสุดต้อนรับเราอย่างอบอุ่น การพบกันครั้งนี้ ไม่เพียงเพื่อแสดงความชื่นชมในความสำเร็จทางธุรกิจเท่านั้น ยังเป็นการแสดงออกเจตนารมณ์ที่จะรักษาการลงทุนจากต่างประเทศไว้ในสถานการณ์ที่เปราะบางระหว่างจีนกับโลกภายนอกในขณะนั้น
“ผมหวังว่าชาวจีนโพ้นทะเลที่มีอยู่กว่าสิบล้านคนทั่วโลก จะสนใจกลับมาลงทุนในจีนเหมือนเช่นกับท่าน จีนจะดำเนินนโยบายการเปิดประเทศอย่างต่อเนื่องและเพิ่มมาตรการให้เปิดประเทศมากขึ้น” ท่านเติ้ง เสี่ยวผิง กล่าวกับผมด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความจริงใจ และแฝงด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง
เดือนมกราคม ปีพ.ศ. 2535 ท่านเติ้ง เสี่ยวผิง ซึ่งมีอายุมากแล้ว ได้เดินทางไปสำรวจเขตเศรษฐกิจพิเศษเซินเจิ้น ท่านได้ประกาศให้จีนเร่งการปฏิรูปและเปิดประเทศให้มากขึ้น ซึ่งเป็นเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่ทำให้บรรยากาศการลงทุนภายในและนอกประเทศจีนเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว นักลงทุนต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาลงทุนในประเทศจีนเป็นจำนวนมาก การที่เจียไต๋ได้เข้าไปลงทุนในประเทศจีนก่อนหน้าบริษัทอื่นๆ เราจึงอยู่ในฐานะที่ได้เปรียบในเรื่องโอกาสที่จีนจะเปิดให้ก่อน
เล็งเห็นโอกาส
ปลายทศวรรษ 2520-ต้นทศวรรษ 2530 นายจู หรงจี (Zhu Rongji) ซึ่งในขณะนั้นเป็นผู้ว่าการนครเซี่ยงไฮ้ ภายหลังได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 9 ของประเทศจีน ได้เสนอแผนพัฒนาเขตผู่ตง (Pudong) ขึ้น นครเซี่ยงไฮ้นั้นมีการแบ่งออกเป็น 2 เขตใหญ่ๆ คือ เขตผู่ตงฝั่งตะวันออกและเขตผู่ซีฝั่งตะวันตก โดยมีแม่น้ำหวงผู่ (Huangpu) ไหลผ่านกลางเมืองเป็นเส้นแบ่งเขต เวลานั้นฝั่งผู่ซี (Puxi) เป็นเขตพาณิชย์ ส่วนฝั่งผู่ตงเป็นโรงต่อเรือและที่นา
ตอนนั้นธุรกิจเลี้ยงไก่และธุรกิจรถมอเตอร์ไซค์ของเจียไต๋ที่เซี่ยงไฮ้ประสบความสำเร็จ ท่านจู หรงจี ผู้ว่าการนครเซี่ยงไฮ้ จึงอยากให้เจียไต๋เข้ามาช่วยพัฒนาพื้นที่ผู่ตง ซึ่งเดิมทีพื้นที่ส่วนใหญ่ยังรกร้าง ขนาดบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของฮ่องกงยังไม่สนใจเลย แต่สัญชาตญาณบอกผมว่า “ไม่ช้าก็เร็ว ผู่ตงจะเป็นพื้นที่เจริญแน่นอน” เพราะฝั่งตรงข้ามผู่ตง คือเขตการค้าผู่ซีที่เจริญรุ่งเรือง
การพัฒนาเขตผู่ตงเริ่มจากการตัดถนน เจียไต๋ได้ลงทุนสร้างห้างสรรพสินค้า “ซูเปอร์แบรนด์มอลล์” ที่มีมูลค่าการลงทุนประมาณ 450 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (15,300 ล้านบาท) ตั้งอยู่เยื้องกับ “หอไข่มุก” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของนครเซี่ยงไฮ้ ใช้เวลาในการก่อสร้างหลายปี จนในที่สุดก็ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปีพ.ศ. 2545 และเป็นดังที่ผมคาดการณ์ไว้ เมื่อเขตผู่ตงได้เชื่อมกับเขตผู่ซีด้วยสะพานและอุโมงค์ที่สร้างขึ้นมาใหม่ ก็ได้ทำให้ผู่ตงกลายเป็นเขตการค้าที่รุ่งเรืองแห่งที่ 2 ของนครเซี่ยงไฮ้
เจียไต๋เริ่มธุรกิจโลตัส ซูเปอร์เซ็นเตอร์จากเขตผู่ตง แล้วขยายไปทั่วประเทศจีน ปัจจุบันมีเครือข่ายร้านกว่า 80 สาขา เจียไต๋ยังได้ก้าวไปสู่ธุรกิจเวชภัณฑ์ จากพื้นฐานความต้องการผลิตภัณฑ์ยาในธุรกิจเลี้ยงไก่และหมู ต่อมาเราจึงได้เข้าไปลงทุนในบริษัทผลิตยาต่างๆ ของประเทศจีนกว่า 20 บริษัทซึ่งเป็นยาที่ใช้กับคน เช่น บริษัทที่ผลิตยา “ซานจิ่วเว่ยไท่” (Sanjiuweitai) และ “ชิงชุนเป่า” (Qingchunbao) เป็นต้น
เครือเจียไต๋เข้าไปลงทุนทั่วประเทศจีน ยกเว้นมณฑลชิงไห่และทิเบต ปัจจุบันมีกิจการมากกว่า 300 บริษัทครอบคลุมธุรกิจเกษตร-อุตสาหกรรม ธุรกิจอาหาร ธุรกิจยานยนต์ ธุรกิจรายการโทรทัศน์ ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจเวชภัณฑ์ เป็นต้น นับเป็นมูลค่าการลงทุนรวมถึง 110,000 ล้านหยวน (550,000 ล้านบาท) มียอดขายในปีพ.ศ 2558 ประมาณ 100,000 ล้านหยวน (500,000 ล้านบาท) ความจริงได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ความเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของท่านเติ้ง เสี่ยวผิง นำมาซึ่งความเติบโตของการดำเนินธุรกิจในประเทศจีนที่เห็นได้อย่างชัดเจน
แปลและเรียบเรียงโดย :
- คุณภรณี จิรวงศานนท์ สำนักประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์
- มร. หวง เหวยเหว่ย ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายพัฒนาโครงการ บริษัท ซีที อินฟราสตรักเจอร์ ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด
ที่มา : http://www.nikkei.com/article/DGXKZO05091870R20C16A7BC8001/