ในฐานะที่เครือเจริญโภคภัณฑ์เป็นลูกค้าราย ใหญ่ของธนาคารเชส แมนฮัตตัน (Chase Manhattan Bank) ที่ปัจจุบันคือเจพี มอร์แกน เชส (J.P. Morgan Chase) ธนาคารเชส แมนฮัตตันได้แนะนำให้เรารู้จักกับบริษัทที่ทำธุรกิจไก่เนื้อของสหรัฐอเมริกา ต่อมาด้วยการแนะนำของธนาคารฯ อีกเช่นกัน เครือฯ ก็ได้ร่วมมือทางธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับบริษัทคอนติเนนตัล เกรน (Continental Grain) ซึ่งเป็นบริษัททำธุรกิจค้าวัตถุดิบรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา
ในปีพ.ศ. 2521 จีนเริ่มดำเนินนโยบายเปิดประเทศ เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้ตัดสินใจทันทีในการร่วมลงทุนกับบริษัทคอนติเนนตัล เกรน ทำธุรกิจอาหารสัตว์ที่จีนแผ่นดินใหญ่ หลังจากที่ผมออกมาจากจีนในช่วงทศวรรษ 2490 ผมก็ไม่ได้กลับไปอีกเลย เพราะในช่วงที่การปฏิวัติวัฒนธรรมแผ่ขยายไปทั่วประเทศจีน (พ.ศ. 2503-2513) ชาวจีนโพ้นทะเลไม่สามารถกลับไปแผ่นดินบ้านเกิดที่จากมาได้
ปลายปีพ.ศ. 2522 หลังจากที่ผมออกจากจีนไปนานกว่า 20 ปี ผมก็ได้มีโอกาสเดินทางไปประเทศจีนอีกครั้งกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทคอนติเนนตัล เกรน โดยนั่งเครื่องบินจากฮ่องกงไปกวางเจา มณฑลกวางตุ้ง การเดินทางครั้งนี้มีเวลาในจีนสั้นมาก หลังจากที่หารือทางธุรกิจเสร็จลงในช่วงเช้า ตอนเย็นก็รีบบินกลับฮ่องกงเลย ผมเคยอยู่ที่กวางเจาเป็นระยะสั้นๆ สมัยเรียนมัธยมช่วงปลายทศวรรษ 2490 ตอนนั้นกวางเจาเป็นเมืองศูนย์กลางของจีนตอนใต้ที่เจริญรุ่งเรืองมาก อีกทั้งยังเป็นเมืองที่ดึงดูดชาวฮ่องกงเป็นจำนวนมากอีกด้วย
เมื่อได้กลับไปกวางเจาอีกครั้ง ภาพที่สะท้อนในสายตาของผมกลับเป็นบรรยากาศที่วังเวงของช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม วัดวาอารามและโบราณวัตถุที่มีค่าทางวัฒนธรรมถูกทำลายไปมาก กวางเจาแทบไม่เหลือเค้าความเจริญในอดีตให้เห็นเลย
บรรยากาศที่หดหู่เช่นนี้ หลายบริษัทที่ตั้งใจจะกลับเข้ามาลงทุนต่างก็ถอยทัพ แต่ผมไม่คิดถอย เพราะคิดว่า “นี่แหละคือโอกาส” ในประเทศที่เศรษฐกิจพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น โอกาสการพัฒนาธุรกิจจะมีน้อย ขณะที่ประเทศจีนหลังการปฏิวัติวัฒนธรรมนั้นล้าหลังไปมาก ซึ่งเราสามารถเข้าไปบุกเบิกตั้งแต่ต้นได้ ดังนั้นผมจึงตัดสินใจไปลงทุนที่จีน
การรอคอยที่เนิ่นนาน
การได้หวนกลับไปยังประเทศจีนในรอบนี้ ผมมีความตั้งใจว่าจะต้องหาโอกาสไปซัวเถาเพื่อเยี่ยมครูเฉิน ซือฟู่ (Chen Shifu) ซึ่งเป็นคุณครูประจำชั้นสมัยประถมที่ผมให้ความเคารพและระลึกถึงท่านอยู่เสมอ ในสมัยปฏิวัติวัฒนธรรม การติดต่อทางไปรษณีย์ระหว่างจีนกับต่างประเทศถูกสั่งห้าม ผมจึงไม่ได้ทราบถึงชีวิตความเป็นอยู่ของครูเลย
ผมใช้โอกาสที่ไปกวางเจาเพื่อคุยเรื่องธุรกิจครั้งที่ 2 โทรศัพท์ไปที่ซัวเถา และทราบว่าครูเฉินยังอยู่ที่ซัวเถา ผมตัดสินใจไปเยี่ยมครูที่เคยมีพระคุณกับผมในทันที ครูเฉินมารับผมที่สนามบินด้วยตัวเอง ครูที่อายุไม่ถึง 30 ปีในตอนนั้น ตอนนี้กลับเป็นผู้สูงวัยอายุเกือบ 60 ปีแล้ว “ครูยังดูเหมือนเดิมเลย ผมมองครูแวบเดียวก็จำครูได้” ผมรู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อได้เจอครูเฉินอีกครั้ง ใบหน้าของครูยังคงมีรอยยิ้มอยู่เสมอเหมือนดังเช่นเมื่อก่อน แต่ในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม ครูเฉินก็ประสบกับความยากลำบากไม่น้อย เพราะสมัยนั้นครูอาจารย์ถูกมองว่าเป็นฝ่ายต่อต้าน
สามีของครูเฉินซึ่งเป็นคุณครูชั้นมัธยม เคยเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นในสมัยที่จีนปกครองโดยพรรคก๊กมินตั๋ง ทำให้ในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรมสามีของครูต้องถูกจองจำ หลังจากปฏิวัติวัฒนธรรมสภาพครอบครัวของครูเฉินก็ไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก สมาชิกครอบครัวที่มีทั้งหมด 3 คนต้องอาศัยกันอย่างเบียดเสียดในห้องเล็กๆ ที่มีขนาดเพียง 6-7 ตารางเมตร
หลังจากที่ผมได้เจอครูเฉินแล้ว เดิมทีผมจะซื้อบ้านให้ครูหลังหนึ่ง แต่ครูเฉินไม่ยอมรับเพราะท่านชอบความเรียบง่าย ผมจึงได้แต่ให้ครูไปอยู่ที่บ้านเก่าที่ผมเคยอยู่ตอนที่เรียนชั้นประถม หลังจากที่ซัวเถาเริ่มมีการก่อสร้างอาคารคอนโดมิเนียมที่ทันสมัย ผมจึงซื้อห้องชุดให้ครู และให้ครูย้ายเข้าไปอยู่
ผมจะไปเยี่ยมครูเฉินทุกครั้งที่ไปซัวเถา ปีนี้ครูมีอายุครบ 93 ปีแล้ว แต่ร่างกายยังแข็งแรงอยู่ หลังจากที่สามีและลูกชายของครูเสียชีวิตไปแล้ว ชีวิตของครูก็เงียบเหงา แต่ก็ได้เพื่อนๆ สมัยเรียนประถมที่ต่างหมั่นไปเยี่ยมดูแลครูที่บ้านเสมอๆ
แปลและเรียบเรียงโดย :
- คุณภรณี จิรวงศานนท์ สำนักประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์
- มร. หวง เหวยเหว่ย ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายพัฒนาโครงการ บริษัท ซีที อินฟราสตรักเจอร์ ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด
ที่มา : http://www.nikkei.com/article/DGXKZO04897290V10C16A7BC8001