ผมเรียนหนังสือที่ฮ่องกงจนอายุ 17 ปี ผมจะอ่านหนังสือทุกวัน นอกจากอ่านหนังสือแล้วก็ดูหนัง ผมฝันตั้งแต่เด็กว่าจะเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ เพื่อนของผมคนหนึ่งมีพี่ชายเป็นดารา อายุของเขาประมาณ 18-19 ปี เพราะมีพี่ของเพื่อนที่เป็นดารา ผมจึงมีโอกาสได้เข้าไปดูโรงถ่ายภาพยนตร์ มีโอกาสสังเกตว่าเขาถ่ายทำกันอย่างไร และในตอนนั้นผมตั้งใจจะเป็นผู้กำกับภาพยนตร์จริงๆ
ฮ่องกงในช่วงราวทศวรรษ 2490 ยังไม่ได้เจริญเหมือนทุกวันนี้ บนท้องถนนมีรถยนต์น้อยมาก คนจีนที่อพยพมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ก็มีจำนวนมาก คนยากจนมักอาศัยในบ้านสังกะสีตามเชิงเขา ส่วนคนที่รวยหน่อยก็จะย้ายออกจากฮ่องกงไปอยู่ที่อื่น พ้นจากช่วงนี้ไประยะหนึ่ง ฮ่องกงถึงเริ่มเจริญขึ้น
โรงเรียนที่ผมเรียนที่ฮ่องกง ใช้ภาษาจีนกวางตุ้งและภาษาอังกฤษในการเรียนการสอน ปัจจุบันโรงเรียนนี้ได้ปิดไปแล้ว คุณพ่ออยากให้ผมเรียนที่ฮ่องกง เพื่อให้ผมมีพื้นฐานภาษาอังกฤษที่ดี แล้วจะส่งผมไปเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยที่ออสเตรเลีย ความคิดของคุณพ่อในตอนนั้นคือ อยากให้ผมตั้งใจศึกษาด้านการเกษตรที่ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีเกษตรกรรมที่ก้าวหน้าและทันสมัย จะได้กลับมาช่วยธุรกิจของครอบครัว
ตลอด 17 ปีที่เติบโตมา ผมเริ่มระอาที่ต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงอยู่เนืองๆ ผมเรียนภาษาไทยที่โรงเรียนประถมในไทย ใช้ภาษาจีนแต้จิ๋วที่ซัวเถา พอไปกวางเจาเริ่มเรียนภาษาจีนกวางตุ้ง ย้ายมาฮ่องกงเรียนภาษาจีนกวางตุ้งและยังเรียนภาษาอังกฤษเพิ่ม ถ้าต้องไปเรียนต่อที่ออสเตรเลียอีก ผมก็ต้องหมั่นฝึกฝนภาษาอังกฤษอย่างขมักเขม้นอีกครั้ง คิดถึงสมัยที่ต้องลำบากฝ่าฟันเพื่อให้เขียนตัวหนังสือจีนทันเพื่อนตอนเรียนประถมที่ซัวเถาแล้ว ผมไม่อยากจะเจอสภาพนั้นอีก จึงตัดสินใจไม่ไปเรียนต่อที่ออสเตรเลีย ซึ่งเดิมทีต้องไปกันสองคนกับน้องสาว สุดท้ายน้องสาวของผมจึงไปเรียนต่อที่ออสเตรเลียเพียงคนเดียว
หนทางรอดเดียว
ผมอาศัยอยู่ที่ฮ่องกงจนถึงปลายทศวรรษ 2490 ในตอนนั้นประเทศจีนมีการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายเศรษฐกิจอย่างชัดเจน จากเดิมในช่วงเริ่มก่อตั้งชาติในยุคสาธารณรัฐประชาชนจีน รัฐบาลจีนเคยสนับสนุนนักธุรกิจบริษัทเอกชนและต้อนรับชาวจีนโพ้นทะเล แต่ต่อมามีนโยบายแปรเปลี่ยนมาต่อต้านบริษัทเอกชนและระบบเศรษฐกิจทุนนิยม รัฐบาลเริ่มยึดที่ดินของเอกชน และสนับสนุนเกษตรกรรมระบบคอมมูนแทน ด้วยเหตุนี้คุณพ่อซึ่งมีบริษัทและสวนเกษตรที่ซัวเถาจึงกลับกลายเป็นนายทุนและเจ้าของที่ดินที่รัฐบาลต้องการโค่นล้ม
แต่ถือว่าคุณพ่อยังโชคดี เดิมทีคุณพ่อไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ แต่คุณพ่อเป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร จำเป็นต้องเดินทางมารับการรักษาด้วยการผ่าตัดที่ฮ่องกง คุณพ่อจึงได้ออกจากประเทศจีน ประจวบกับตอนนั้นฮ่องกงตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ จีนไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงการปกครองฮ่องกงได้ ฮ่องกงจึงถือว่าเป็นที่ที่ปลอดภัย คุณพ่อจึงรอดพ้นมาได้ ถ้าวันนั้นคุณพ่อออกจากจีนช้าไปนิดเดียว ท่านอาจไม่มีชีวิตรอดออกมาก็ได้
ภายหลัง บริษัทที่ซัวเถาและสวนเกษตรถูกรัฐบาลยึดไปทั้งหมด คุณพ่อสูญเสียทรัพย์สินที่มีอยู่ที่เมืองจีน ผมก็ไม่สามารถเดินทางจากฮ่องกงไปซัวเถาและกวางเจาได้อีก เพราะเกรงว่าจะถูกกักตัวอยู่ที่ประเทศจีน จนกระทั่งช่วงปลายทศวรรษ 2510 หลังจากที่ท่านเติ้งเสี่ยวผิงดำเนินนโยบายปฏิรูปและเปิดประเทศ ผมจึงได้กลับไปเมืองจีนอีกครั้ง
หลังจากที่ผมตัดสินใจไม่เรียนที่ออสเตรเลีย คุณพ่อบอกผมว่า “ถ้าไม่เรียน ก็กลับมาทำงานกับทางบ้าน” ผมจึงออกจากฮ่องกงกลับมาประเทศไทย ระหว่างที่ผมใช้ชีวิตอยู่ที่จีนและฮ่องกง ต้องขอบคุณพี่ชายทั้งสองของผมที่ได้พัฒนาธุรกิจร้านเจียไต๋จึงที่คุณพ่อได้ก่อตั้งขึ้นที่กรุงเทพเติบโตขึ้นเป็นธุรกิจขนาดกลางนามว่า ร้านเจริญโภคภัณฑ์ แล้ว
แปลและเรียบเรียงโดย :
- คุณภรณี จิรวงศานนท์ สำนักประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์
- มร. หวง เหวยเหว่ย ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายพัฒนาโครงการ บริษัท ซีที อินฟราสตรักเจอร์ ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด
ที่มา : http://www.nikkei.com/article/DGXKZO04609800Y6A700C1BC8001/