ขณะเรียนอยู่ที่ซัวเถา ผมได้พบคุณครูผู้หญิงที่ผมจะไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต ท่านเป็นคุณครูประจำชั้นตอนผมเรียนที่ซัวเถา คุณครูท่านนั้นชื่อ เฉิน ซือฟู่ (Chen Shifu) ตอนที่ผมมาซัวเถาใหม่ๆ ทุกอย่างรอบตัวแปลกใหม่สำหรับผมไปหมด เพื่อนๆ ก็มีไม่มาก ครูเฉินให้กำลังใจผมเป็นอย่างมาก ผมจำได้ว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งครูเชียร์ผมให้ขึ้นไปพูดบนเวที ผมเลยขึ้นไปเล่านิทานพื้นบ้านของไทย ทุกคนต่างพากันขำขันกับเรื่องที่ผมเล่า ไม่นานผมก็เข้ากับเพื่อนๆ และสิ่งแวดล้อมใหม่ได้
ตอนนั้นครูเฉินซึ่งจบจากวิทยาลัยครู อายุยังไม่ถึง 30 ปี สามีของครูก็เป็นคุณครูอยู่ที่เมืองกิ๊กเอี๊ยว1 ซึ่งอยู่ห่างจากซัวเถาออกไปประมาณ 30 กิโลเมตร มีอยู่ครั้งหนึ่งผมไม่สบาย เลยไม่ได้ไปโรงเรียน ครูเฉินมาเยี่ยมผมที่โรงพยาบาลหลายครั้ง หลังจากผมออกจากโรงพยาบาลแล้ว ครูยังใช้เวลาช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนสอนเสริมให้ผมเพื่อตามเพื่อนให้ทันอีกด้วย ทำให้คุณครูไม่ได้กลับไปเจอครอบครัวที่เมืองกิ๊กเอี๊ยว
ครูเฉินรักนักเรียนเหมือนรักลูกของท่านเอง คุณครูอ่อนโยนและใจดีกับนักเรียนทุกคนในห้อง ตอนที่ครูเป็นครูประจำชั้น ครูไม่เคยลางานเลยสักวันเดียว ถึงแม้ว่าคุณครูจะเป็นหวัด ไม่สบาย มีไข้ คุณครูก็ยังมาสอน เวลาครูไม่สบาย นักเรียนอย่างพวกเรามักจะไปบ้านครู ช่วยกันทำความสะอาดบ้านให้ครู ผมยังนำยาที่เอามาจากเมืองไทยไปให้ครูอีกด้วย
เรียนรู้ที่จะเป็นผู้นำ
ครูเฉินเป็นห่วงนักเรียนที่เรียนไม่ดีจะตามเพื่อนในห้องไม่ทัน ครูจึงให้นักเรียนในห้องช่วยกันติวหนังสือ มีนักเรียนบางคนซึ่งที่บ้านยังไม่มีไฟฟ้า ตอนกลางคืนจึงอ่านหนังสือ และทำการบ้านไม่ได้ บ้านของผมค่อนข้างกว้างขวาง ผมจึงรวมกลุ่มเพื่อนๆ มาติวหนังสือที่บ้านในตอนกลางคืน
ผมแบ่งหัวข้อวิชาต่างๆ ให้เพื่อนๆ ผลัดกันมาติว วิธีการนี้ทำให้เราครอบคลุมเนื้อหาวิชาได้ทุกสาขาและยังทำให้เพื่อนๆ สนใจการเรียนมากขึ้น ผมยังให้เพื่อนที่คะแนนการเรียนไม่ดีค้างคืนที่บ้านด้วย ตอนเช้าตื่นมาอ่านหนังสือกัน เพื่อนๆ เหล่านั้นเริ่มมีผลการเรียนดีขึ้น สุดท้ายผลคะแนนรวมของชั้นเรียนของผมได้เป็นอันดับ 1 ของโรงเรียน
ผมเริ่มเป็นผู้นำตัวน้อยของห้อง และยังได้เป็นหัวหน้าทีมการแข่งขันกีฬาบาสเกตบอล และชักเย่อ โดยผมเป็นผู้วางแผนการเล่น เพื่อนร่วมชั้นต่างพร้อมใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และเอาชนะการแข่งขันทั้งสองรายการได้ แม้ว่าตอนนั้นยังเป็นเด็กอยู่ แต่ผมก็ได้เรียนรู้ว่าความสำเร็จมาจากการสร้างแรงจูงใจคนในทีม ภายหลังผมก็ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าห้อง
เรื่องที่ผมไม่เคยลืมอีกหนึ่งเรื่องคือ ตอนนั้นมีเพื่อนร่วมชั้นที่มีนิสัยเกเรคนหนึ่ง เขามักสร้างปัญหาเป็นประจำ เพื่อนๆ ต่างไม่มีใครอยากคบ แม้แต่พ่อแม่ของเขาก็ไม่สนใจเขา เขาอยู่เหงาๆ คนเดียว เป็นเด็กที่ไม่มีคนรักและสนใจ แต่ผมสงสารเขามาก มีผมคนเดียวในชั้นที่ยอมคบเขาเป็นเพื่อน ยอมเล่นกับเขา ผมค่อยๆ เตือนและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเขา เขาไม่ยอมฟังใครเลยทั้งคุณครูและพ่อแม่ แต่เขาฟังผมคนเดียว
ผมเรียนรู้การเห็นอกเห็นใจผู้อื่น รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรามาจากคุณแม่ ทัศนคตินี้เองที่มีส่วนสำคัญในการบริหารธุรกิจของผมในภายหลัง ต้องรู้จักคิดในมุมมองของคนอื่นเท่านั้น เราถึงจะได้รับความเคารพจากคนอื่น ในทางกลับกัน ถ้าเรานึกถึงแต่ตัวเองพยายามที่จะยัดเยียดความคิดของเราแต่ฝ่ายเดียว ก็จะไม่มีใครยอมฟังเรา
เดินหน้าต่อไป
ผมเรียนที่ซัวเถาจนถึงชั้นมัธยมปีที่ 1 ก็ย้ายไปเรียนที่กวางเจาเมืองหลวงของมณฑลกวางตุ้งโดยอาศัยอยู่กับพี่สาวซึ่งเรียนอยู่ในระดับมหาวิทยาลัยที่กวางเจาเช่นกัน ภาษาแต้จิ๋วที่เคยใช้ในชีวิตประจำวันก็ต้องปลี่ยนเป็นภาษากวางตุ้ง ถึงแม้ว่าภาษาจีนแต้จิ๋วและภาษาจีนกวางตุ้งจะเป็นภาษาในมณฑลกวางตุ้งเหมือนกัน แต่การออกเสียงนั้นต่างกันมาก ภาษาจีนกวางตุ้งจึงเหมือนภาษาต่างประเทศสำหรับผม
แม้ไม่นานผมจะเริ่มฟังภาษากวางตุ้งเข้าใจ แต่ก็ยังพูดไม่ได้ ยังดีที่ผมรู้ตัวหนังสือภาษาจีน จึงพอเข้าใจบ้าง ผมอยู่ที่กวางเจาได้ 1 ปี ยังไม่ทันได้เรียนจบ ก็ต้องย้ายไปเรียนภาษาอังกฤษที่ฮ่องกง
* จังหวัดเจียหยาง ในภาษาจีนกลาง
แปลและเรียบเรียงโดย :
- คุณภรณี จิรวงศานนท์ สำนักประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์
- มร. หวง เหวยเหว่ย ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายพัฒนาโครงการ บริษัท ซีที อินฟราสตรักเจอร์ ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด
ที่มา : http://www.nikkei.com/article/DGXKZO04563300X00C16A7BC8001/