“คุณศุภชัย เจียรวนนท์” โชว์วิสัยทัศน์ด้านการรับผิดชอบต่อสังคม แก่นักศึกษาปริญญาเอกหลักสูตรผู้นำทางสังคม ธุรกิจและการเมือง วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต เผยปัจจัยสำคัญนำเครือเจริญโภคภัณฑ์เติบโตจากอดีตสู่ปัจจุบันคือ 1.ซื่อสัตย์ 2.นวัตกรรม 3.การตลาด และ 4.ปรัชญา 3 ประโยชน์ พร้อมชี้ Social Enterprise และการดำเนินธุรกิจภายใต้หลัก Sustainability จะเป็นพลังสำคัญขับเคลื่อนธุรกิจเครือเจริญโภคภัณฑ์
คุณศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการบริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ และกรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้รับเชิญให้เป็นผู้บรรยายพิเศษเรื่องวิสัยทัศน์กับธุรกิจที่รับผิดชอบต่อสังคม แก่นักศึกษาปริญญาเอก รุ่น 9 หลักสูตรผู้นำทางสังคม ธุรกิจ และการเมือง วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม 2558 ที่ผ่านมา ณ มหาวิทยาลัยรังสิต
ตลอด 3 ชั่วโมงในการบรรยายพิเศษของคุณศุภชัยภายใต้หัวข้อวิสัยทัศน์กับธุรกิจที่รับผิดชอบต่อสังคมครั้งนี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากเหล่าคณะนักศึกษาฯ โดยทุกคนรับฟังอย่างตั้งใจและซักถามในประเด็นต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง
สำหรับเนื้อหาในการบรรยายมีใจความสรุปว่าเครือเจริญโภคภัณฑ์ดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมมาตั้งแต่ยุคบุกเบิกในรุ่นคุณปู่ซึ่งได้ก่อตั้งร้านเจียไต๋จำหน่ายเมล็ดพันธุ์ผักตราเรือบิน โดยเป็นผู้จำหน่ายเมล็ดพันธุ์ผักรายแรกของเมืองไทยที่มีการพิมพ์วันหมดอายุของเมล็ดพันธุ์ผักลงบนซองรวมถึงการมีตราสินค้าภายใต้ชื่อ “เรือบิน” นั้นแสดงให้เห็นถึงความซื่อสัตย์ต่อเกษตรกรซึ่งเป็นลูกค้าของเจียไต๋ การมีนวัตกรรม และมีการทำการตลาดที่ดี และเมื่อคุณธนินท์ เจียรวนนท์ ผู้เป็นบิดาเข้ามาบริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ก็ได้สานต่อแนวคิดและนโยบายด้านความรับผิดชอบต่อสังคมของผู้ก่อตั้งในยุคบุกเบิก อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยสร้าง “ปรัชญา 3 ประโยชน์” ขึ้นมา หมายความว่าการทำธุรกิจของเครือเจริญโภคภัณฑ์นั้นจะต้องก่อให้เกิดประโยชน์ 3 ประการ หนึ่งประเทศชาติต้องได้ประโยชน์ก่อน รวมทั้งประเทศที่เราไปลงทุน สองประชาชนต้องได้ประโยชน์ก่อน และสามบริษัทถึงจะได้ประโยชน์
ในการนี้ คุณศุภชัย ได้แสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับความรับผิดชอบต่อสังคมของภาคธุรกิจ โดยกล่าวว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์ในยุคปัจจุบันดำเนินธุรกิจภายใต้หลักการพัฒนาอย่างยั่งยืนหรือ Sustainability พร้อมชี้ให้เห็นว่าปัจจุบันนี้กำลังก้าวสู่ยุค Social Enterprise ซึ่งจะเป็นโมเดลธุรกิจใหม่ที่ทำให้ธุรกิจเติบโตไปพร้อมกับชุมชนอย่างยั่งยืน