สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (พีไอเอ็ม) มหาวิทยาลัยแห่งองค์กรธุรกิจ หรือ Corporate University สถาบันอุดมศึกษาก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2550 โดยบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ดำเนินการจัดการศึกษามาแล้ว 12 ปี เป็นสถาบันอุดมศึกษาเพียงหนึ่งเดียวที่จัดการเรียนการสอนรูปแบบ “Work-based Education” แห่งแรกของประเทศไทย คือการเรียนทฤษฎีในห้องเรียนกับคณาจารย์มากไปด้วยประสบการณ์ ควบคู่การฝึกปฎิบัติงานกับสถานประกอบการจริงที่ตรงกับสาขาวิชาที่เรียนในองค์กรธุรกิจ เครือข่ายพันธมิตรมากมายทั่วโลกที่เต็มไปด้วยมืออาชีพมีความเชี่ยวชาญในสาขาอาชีพนั้นๆ นับเป็นการเสริมสร้างประสบการณ์การทำงานให้แก่นักศึกษาอย่างจริงจังและครบถ้วน นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้นักศึกษาเกิดการพัฒนาตนเองในทุกด้าน อาทิ ทักษะด้านวิชาชีพ ทักษะชีวิต และทักษะทางสังคม
พีไอเอ็มรับบทบาทในการสร้างคนคุณภาพ มุ่งสร้างบัณฑิตอัดแน่นไปด้วยคุณภาพพร้อมทำงานได้ทันที ป้อนสู่สถานประกอบการ โดยเฉพาะในยุค Industry 4.0 นี้ เป็นอีกหนึ่งตลาดที่เปิดกว้างต้องการแรงงานเฉพาะทางนับแสนอัตรา พีไอเอ็มส่งนักศึกษาเข้าฝึกปฏิบัติ โรงงานผลิตรถยนต์เอ็มจี บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด เพื่อมีส่วนร่วมในการสนับสนุนการผลิตและพัฒนาบุคลากร ให้มีทักษะและสมรรถนะตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการ รวมทั้งร่วมกันศึกษาข้อมูลความต้องการบุคลากร และความสามารถในการผลิตและพัฒนาของอุตสาหกรรมยานยนต์
นายศิวณัฐ จินดาทะจักร์ สาขาวิชาวิศวกรรมอุตสาหการ ปัจจุบันทำงานตำแหน่ง VQ-Paint Engineer กล่าวว่า “ปัญหาของนักศึกษาจบใหม่ที่พบคือ มีความรู้ในห้องเรียนแต่ไม่มีภูมิต้านทานในการทำงาน การทำงานนั้นไม่มีเกณฑ์ในการให้คะแนน มีแค่ทำได้หรือไม่ได้ เพราะฉะนั้นข้อดีของการฝึกงานร่วมกับการเรียนอย่างเห็นได้ชัด คือผู้เรียนมีองค์ความรู้ทั้งในด้านทฤษฎีและปฏิบัติ แน่นอนว่าเมื่อทำงานจริงเราสามารถปรับตัวได้ง่าย พร้อมทั้งสามารถประยุกต์สิ่งที่เรียนให้เหมาะสม ตามสภาพปัญหาในการทำงาน (ที่มีหลายรูปแบบไม่ซ้ำกัน) ได้อย่างเป็นรูปธรรม”
นายอัครเดช คำสิงหา สาขาวิศวกรรมศาสตร์ยานยนต์ ปัจจุบันทำงานตำแหน่ง GA Quality Engineer เสริมว่า “การเรียนและการฝึกงานที่ควบคู่ไปด้วย ทำให้ผมได้นำทฤษฎีที่เรียนในห้องเรียนไปประยุกต์ใช้ในการทำงาน ซึ่งผมได้มีโอกาสฝึกงานทั้งหมด 3 แห่ง คือ 1.ร้าน 7-ELEVEN เป็นเวลา 3 เดือน ฝึกฝนให้มีความรับผิดชอบงานสูง การฝึกแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ 2.ศูนย์บริการ Mercedes Benz ฝึกทักษะเกี่ยวกับยานยนต์โดยใช้ความรู้ทางทฤษฎีมาบูรณาการใช้กับทางด้านปฏิบัติ ซึ่งทำให้เห็นผลของระบบการเรียนแบบ Work-based Education อย่างที่สุด และ 3. โรงงานผลิตรถยนต์เอ็มจี บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด นับว่าเป็นโอกาสที่หาไม่ได้จากสถาบันศึกษาอื่น ซึ่งให้โอกาสนักศึกษาได้เข้าฝึกงานกับสถานประกอบการจริง ผมนำวิชาความรู้ที่ได้เรียนมาและประสบการณ์ฝึกงานก่อนหน้านี้มาลงสนามจริงที่นี่ ซึ่งก็เห็นผลอย่างชัดเจนว่ามีความมั่นใจ สามารถพร้อมที่จะทำงาน แต่ละที่ที่ผมได้มีโอกาสไปฝึกงานล้วนมีความแตกต่างกัน ทั้งด้านลักษณะงาน สังคม ทำให้ผมได้เรียนรู้กับทำงานร่วมกับผู้อื่น และการใช้ความรู้ที่เรียนมาอย่างหลากหลายวิเคราะห์การทำงานต่างๆได้ด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้ในจากที่ไหน แต่พีไอเอ็มมีให้ผมครับ
ทางด้าน นายภัทรพล สุขผล นักศึกษาสาขาวิศวกรรมการผลิตยานยนต์ ชั้นปีที่ 4 ฝึกปฏิบัติงานแผนก Manufacturing Engineer พูดถึงข้อดีของการเรียนแบบ Work-based Education “การเรียนในห้องคือการเรียนรู้ในภาคทฤษฎีซึ่งเป็นพื้นฐานที่นักศึกษาทุกคนต้องเรียนรู้ และนำไปประยุกต์ใช้ในการทำงานในอนาคต ซึ่งสถาบันของเรามีหลักสูตรเรียนไปด้วยฝึกงานไปด้วย ทำให้ได้มองเห็นภาพการทำงานจริงๆ ตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษา ได้เรียนรู้การทำงานร่วมกับคนอื่น การทำงานเป็นระบบ ระเบียบวินัยในการทำงาน และทำให้ได้เข้าใจสิ่งที่เรียนในห้องเรียนได้มากขึ้นจากการฝึกงาน โดยทั้งหมดนี้เพื่อให้เป็นบุคลากรที่มีประสิทธิภาพในการทำงาน และผมมองว่า ประโยชน์ที่ได้รับโดยตรงจาก Work-based Education คือ ประสบการณ์โดยจะแตกต่างกันตั้งปี ปี 1 ฝึกระเบียบวินัย เข้าใจงานบริการ ส่วนปี 2 เรียนรู้การบำรุงรักษาสถาพของรถยนต์เบื้องต้น ปี3-4 ฝึกงานในโรงงานอุตสาหกรรมรถยนต์ ทำให้รู้ว่ากว่าจะผลิตรถยนต์หนึ่งคันต้องผ่านอะไรบ้าง”
สำหรับ นางสาวสุภนิดา รัตนกรรภิรมย์ นักศึกษาสาขาวิชาวิศวกรรมอุตสาหการ ชั้นปีที่ 4 ฝึกปฏิบัติงานแผนก Body Shop กล่าวว่า “การเรียนไปด้วยแล้วฝึกงานไปด้วยของสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ โดยส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าดีมากค่ะ เพราะทำให้นักศึกษาของแต่ละสาขาแต่ละคณะที่ตัวเองศึกษาอยู่ ได้ฝึกงานจริง ได้ประสบการ์ณจริง ได้รู้จักการทำงานและการเตรียมความพร้อมในการทำงานจริงก่อนคนอื่น และชอบที่เราได้มีความก้าวหน้ามากกว่าคนอื่นๆ หนึ่งก้าว”