26 กุมภาพันธ์ 2561 – เครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยคุณณรงค์ เจียรวนนท์ รองประธานอาวุโส ได้รับเกียรติเข้าร่วมเสวนาหัวข้อ “ทิศทางตลาดสินค้าเกษตรนวัตกรรมโลก 2018” ในงาน Agri-Tech Innovation Forum 2018: นวัตกรรมสินค้าเกษตรไทยแห่งอนาคต ในช่วงเช้าที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมวายุภักษ์ ศูนย์ประชุมวายุภักษ์ โรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ ซึ่งจัดโดยสถาบันส่งเสริมสินค้าเกษตรนวัตกรรม (สกน.) กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ในการนี้ คุณกีรติ รัชโน รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ได้ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน โดยมีแขกผู้มีเกียรติในแวดวงธุรกิจ เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง
การเสวนาในหัวข้อ “ทิศทางตลาดสินค้าเกษตรนวัตกรรมโลก 2018” คุณณรงค์ เจียรวนนท์ รองประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้ร่วมเสวนากับกับผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทชั้นนำของไทยได้แก่ ดร.ชินรัฐ บุญชู ผู้อำนวยงานสายงานวิจัยและผลิตภัณฑ์ บมจ. ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) ดร.ธัญญวัฒน์ เกษมสุวรรณ ผู้อำนวยการด้านนวัตกรรม บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป และ คุณเอกพล พงศ์สถาพร กรรมการผู้จัดการ บมจ.ทิปโก้ฟูดส์
คุณณรงค์กล่าวว่า ทิศทางของตลาดสินค้าเกษตรนวัตกรรมของโลกมุ่งหน้าไป 3 ด้านคือ 1. ให้ความสำคัญกับสุขภาพ (Health Conscious) 2. Internet of Things และ 3. สินค้าที่เป็น Premium มากขึ้น และเข้าสู่การทำ Branding ทั้งนี้เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ โดยเน้นถึงด้าน Internet of Things ซึ่งได้ทวีบทบาทมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่อง Big Data ข้อมูลการตลาด และข้อมูลผู้บริโภค ยกตัวอย่างคนจีนรุ่นใหม่ใช้ social media กันอย่างแพร่หลาย เชื่อเพื่อนมากกว่าผู้ประกอบการ
เครือเจริญโภคภัณฑ์ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ( Sustainability) มีการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ( Supply Chain) ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายนำ้ มีการทำ Branding การวิจัย เพื่อให้เข้าใจความต้องการของผู้บริโภคให้มากที่สุด ตัวอย่างเช่น ปัจจุบันคนจีนรวยขึ้นและต้องการสินค้าพรีเมี่ยม มีคุณภาพสูง
ในส่วนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ควรส่งเสริมสนับสนุนนวัตกรไทย โดยใช้ Internet of Things นำข้อมูลด้านวิจัยที่มีออกมาเผยแพร่อย่างโปร่งใสและกว้างขวาง เพื่อให้เกิดประโยชน์และสร้างคุณค่าแก่ประเทศชาติได้
ดร.ธัญญวัฒน์ เกษมสุวรรณ ผู้อำนวยการด้านนวัตกรรม บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป กล่าวว่า นอกจากแนวโน้มความต้องการอาหารที่ดีต่อสุขภาพแล้วมากขึ้นแล้ว ในอีก 5 ปีข้างหน้า จะเข้าสู่ยุค healthy management ซึ่งคนจะรู้จักรหัสพันธุกรรม (Genome) มากขึ้น ดังนั้น จึงต้องการอาหารที่เหมาะกับตัวเอง เพื่อป้องกันไม่เกิดโรค ซี่งปัจจุบันไม่มีอาหารไม่กี่ชนิดที่พบบนโลกใบนี้เช่น อาหารสำหรับกลุ่มคนอัลไซเมอร์ นอกจากนี้ สินค้าเกษตรต้องสร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างความแตกต่างเช่น น้ำมันมะกอกของอิตาลี ซึ่งมีการบอกถึงเรื่องราว สามารถสร้างแตกต่างกับน้ำมันมะกอกอื่นๆในตลาด
ดร.ชินรัฐ บุญชู ผู้อำนวยการสายงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ บมจ.ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) กล่าวว่า ประเทศไทยมีสินค้าเกษตรมากมาย ไม่ว่าจะเป็นข้าว ข้าวโพด หรือมันสำปะหลัง โดยเฉพาะมันสำปะหลังมีการส่งออกถึง 10 ล้านตันต่อปี ดังนั้น ควรจะนำนวัตกรรมเข้ามาช่วยแปรรูปสินค้าและสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งจะเป็นการสร้างรายได้ให้กับประเทศมากยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของตลาดโลกที่มุ่งหน้าสู่ด้าน bio plastic ดังนั้น รัฐบาลควรตระหนักถึงแนวโน้มนี้และให้การสนับสนุน ด้านการวิจัยและพัฒนา โดยให้ภาคธุรกิจเข้ามาร่วมมือกันมากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กควรได้รับการสนับสนุน โดยให้สิทธิพิเศษต่างๆในการลงทุน
คุณเอกพล พงศ์สถาพร กรรมการผู้จัดการ บมจ.ทิปโก้ฟูดส์ กล่าวว่า ปัจจุบันแนวโน้มของตลาดสินค้าเกษตรเข้าสู่ยุค back to basics โดยต้องการบริโภคสินค้าที่สดและมีคุณภาพ รวมถึงต้องการอาหารที่มีวัตถุดิบจากธรรมชาติเช่น ความต้องการโปรตีนจากพืชมากกว่าต้องการโปรตีนจากสัตว์ ซึ่งมีไขมันสูงและมีสารเจือปน นอกจากนี้ ภาคการเกษตรยังมุ่งไปสู่ smart farming ที่สามารถคาดการผลผลิตได้อย่างแม่นยำ รวมถึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่อง green manufacturing ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมควบคู่กับการผลิตและเรื่องการจ้างงาน