ในงานเสวนา “Contract Farming คืออะไร? เกษตรกรไทยได้หรือเสียประโยชน์” จัดโดยคณะกรรมการธุรกิจเกษตรและอาหาร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย คุณปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า Contract Farming เป็นระบบที่ดี แต่เกษตรกรจะต้องพิจารณาเลือกสัญญาให้เหมาะสมกับสภาพการทำธุรกิจของตัวเอง ไม่ควรดูเรื่องผลตอบแทนเพียงอย่างเดียว ส่วนบริษัทเอกชนคู่สัญญา ก็จะต้องทำความเข้าใจและพูดคุยกับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการให้ชัดเจน เพื่อให้การบังคับใช้สัญญาเกิดความเป็นธรรม
ดร.วิโรจน์ ณ ระนอง ผู้อำนวยการวิจัยด้านเศรษฐศาสตร์ สาธารณสุขและการเกษตร สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ TDRI กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องมีระบบ Contract Farming ในธุรกิจเกษตรและอาหาร เพราะบริษัทเอกชนไม่สามารถผลิตวัตถุดิบด้วยตัวเองได้ เพราะต้องใช้เงินลงทุนสูงและขาดแคลนแรงงาน จึงต้องสนับสนุนให้เกษตรกรช่วยดำเนินการ แต่ปัญหาเกิดจากสัญญาที่ไม่มีมาตรฐาน แต่ละบริษัทเขียนกันเอง และยกความเสี่ยงให้เกษตรกรเป็นผู้รับผิดชอบ จึงเกิดปัญหาร้องเรียนขึ้นกรณีที่เกษตรกรทำธุรกิจล้มเหลว ทั้งที่ Contract Farming เป็นระบบที่ทำให้เกษตรกรได้รับผลตอบแทนดี และลืมตาอ้าปากได้
“คนที่วิจารณ์ว่า Contract Farming เป็นสัญญาทาส สร้างหนี้ และเอาเปรียบเกษตรกร ถือเป็นมายาคติที่มองด้านเดียว เพราะส่วนใหญ่ประสบผลสำเร็จด้วยดี จะมีปัญหาเกิดขึ้นกับบริษัทรายย่อยที่ทำสัญญากับเกษตรกรเท่านั้น ส่วนบริษัทรายใหญ่มีปัญหาน้อยมาก ซึ่งวิธีแก้ไขให้ยั่งยืน จะต้องสร้างระบบ Contract Farming ให้สมดุล ด้วยการกำหนดรูปแบบสัญญาให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกบริษัท เนื้อหาสัญญาจะต้องเฉลี่ยความเสี่ยงระหว่างบริษัทเอกชนและเกษตรกร และต้องมีคนกลางเข้ามาดูแลข้อพิพาทสัญญา เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย” ดร.วิโรจน์ กล่าว
ส่วนนายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ นักวิชาการอิสระ แนะนำเกษตรกรที่จะเข้าร่วมโครงการ Contract Farming จะต้องเข้าใจหลักการก่อนว่า Contract Farming เป็นธุรกิจ ไม่ใช่มูลนิธิหรือสังคมสงเคราะห์ เพราะทั้ง 2 ฝ่ายต่างก็ต้องการได้รับผลประโยชน์ด้วยกัน ส่วนเกษตรกรที่ชอบความเป็นอิสระ ไม่ควรเข้าร่วม Contract Farming เพราะระบบนี้จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขการดูแลของบริษัทคู่สัญญาอย่างเคร่งครัด เพื่อลดความสูญเสียจากการทำธุรกิจ ซึ่งบริษัทเอกชนจะช่วยเกษตรกรอย่างเต็มที่อยู่แล้ว เพราะหากเกษตรกรล้มเหลว จะส่งผลกระทบต่อบริษัทคู่สัญญาด้วย ในฐานะผู้ค้ำประกันเงินกู้ให้กับเกษตรกร ที่ผ่านมา Contract Farming ประสบผลสำเร็จเกิน 90%
คุณวิโรจน์ ภู่สว่าง รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มมิตรผล กล่าวว่า Contract Farming เป็นเครื่องมือช่วยให้กลุ่มมิตรผลทำธุรกิจน้ำตาลได้อย่างยั่งยืน เพราะหากไม่มีเกษตรกรปลูกอ้อยในระบบ Contract Farming โรงงานหีบอ้อยก็จะไม่มีวัตถุดิบมาผลิตน้ำตาล ดังนั้นกลุ่มมิตรผลจึงเข้าไปช่วยเหลือเกษตรกรอย่างเต็มที่ ทั้งระบบสินเชื่อ สนับสนุนปัจจัยการผลิต และอำนวยความสะดวกในการจัดรถบรรทุกไปรับอ้อยจากเกษตรกรถึงพื้นที่
ด้านคุณสมบูรณ์ วัชรพงษ์พันธ์ เกษตรกรเลี้ยงไก่เนื้อ รู้สึกพอใจกับระบบ Contract Farming ที่ได้เข้าร่วมมาตั้งแต่ปี 2545 เพราะประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยช่วงแรกอึดอัดใจอย่างมาก ที่บริษัทคู่สัญญาบังคับให้ดำเนินการเรื่องต่างๆ อย่างเคร่งครัด แต่หลังจากได้ผลตอบแทนตามที่บริษัทกำหนดไว้ จึงเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องทำตามกติกาทุกขั้นตอน เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น ทำให้วันนี้ไม่มีความเสี่ยงเรื่องการตลาด ที่สำคัญยังได้รับเทคโนโลยี และระบบมาตรฐานมาใช้ในฟาร์มเลี้ยงไก่ด้วย อย่างไรก็ตามอยากให้บริษัทเอกชนปฏิบัติอย่างเป็นธรรมและจริงใจกับเกษตรกร เพราะปกติจะไม่สนใจอ่านสัญญาที่ทำไว้ เนื่องจากไม่มีความรู้เรื่องกฎหมาย