กลุ่มทรู ร่วมกับ ไทยเบฟ ทุ่มงบกว่า 180 ล้านบาท จัดการแข่งขันกีฬาอาชีพที่ใหญ่ที่สุดและมีเงินรางวัลสูงสุดในประเทศไทย ในรายการ "ทรู ไทยแลนด์ คลาสสิค 2016 พรีเซนต์เต็ด บาย ช้าง" (True Thailand Classic 2016 Presented By Chang) ซึ่งเป็นการไตร-แซงชั่น ระหว่างยูโรเปี้ยนทัวร์ เอเชียนทัวร์ และไทยแลนด์ พีจีเอ ซึ่งเป็นการแข่งขันกอล์ฟรายการใหญ่อันดับ 2 ของโลก ดวลวงสวิงโดยโปรกอล์ฟชื่อดังจากทั่วโลก ชิงเงินรางวัล 1.75 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 63 ล้านบาท) เพื่อก้าวสู่การชิงชัยรายการ "เรซ ทู ดูไบ" ครองบัลลังก์นักกอล์ฟหมายเลขหนึ่งของยุโรป พร้อมผนึกพันธมิตรชั้นนำทั้งภาครัฐและเอกชน นำโดย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เครือเจริญโภคภัณฑ์ เครื่องดื่มตราช้าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ร่วมเสริมทัพความยิ่งใหญ่ให้กับการแข่งขัน อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้นักกอล์ฟไทย 16 อันดับแรกที่สะสมเงินรางวัลจากรายการ ช้าง–แซท ไทยแลนด์ พีจีเอ ทัวร์ 2016 ได้ลงทำการแข่งขันกับโปรกอล์ฟระดับโลกในรายการนี้ด้วย นอกจากนี้ยังได้ร่วมกับโครงการ “ซีพี สานฝัน ปันโอกาส” มอบ 1 สิทธิพิเศษในการเข้าร่วมการแข่งขัน (Wild Card) แก่นักกอล์ฟอาชีพชาวไทยที่มีความสามารถ และเปิดโอกาสให้นักกอล์ฟเยาวชนไทยจากโครงการทรูวิชั่นส์ จูเนียร์ กอล์ฟ ทัวร์ได้ร่วมกิจกรรม Pro-Am กิจกรรม AM-AM และGolf Clinic อีกด้วย พร้อมเปิดฉากดวลวงสวิง ระหว่างวันที่ 10-13 มีนาคมนี้ ที่สนามแบล็คเมาน์เท่น กอล์ฟ คลับ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยสามารถรับชมถ่ายทอดสดการแข่งขันทางทรู สปอร์ต เอชดี ทรู สปอร์ต 5 และช่องทรูโฟร์ยู
นายพีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา หัวหน้าสายงานการพาณิชย์และพัฒนาธุรกิจ บริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป ในฐานะผู้จัดการแข่งขัน กล่าวว่า “กลุ่มทรู มุ่งมั่นคัดสรรกิจกรรมระดับโลกมาให้ชาวไทยได้รับชมอย่างต่อเนื่อง สำหรับการแข่งขันในรายการ “ทรู ไทยแลนด์ คลาสสิค 2016 พรีเซนต์เต็ด บาย ช้าง” ซึ่งกลุ่มทรูได้สนับสนุนระดับ Crown Sponsor ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และพิเศษคือ ปีนี้ บริษัท แพนเทอร์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ในกลุ่มทรู ได้ร่วมกับ บริษัท ทศภาค จำกัด เป็นผู้จัดการแข่งขัน ซึ่งถือเป็นการแข่งขันกีฬาอาชีพที่ใหญ่ที่สุดและมีเงินรางวัลสูงสุดในประเทศไทย โดยทุ่มงบประมาณกว่า 180 ล้านบาท จัดการแข่งขันกอล์ฟมาตรฐานระดับโลกครั้งยิ่งใหญ่และสมบูรณ์แบบที่สุดในประเทศไทย "ทรู ไทยแลนด์ คลาสสิค 2016 พรีเซนต์เต็ด บาย ช้าง" เป็นการไตร-แซงชั่น ระหว่าง ยูโรเปี้ยนทัวร์ เอเชียนทัวร์ และไทยแลนด์ พีจีเอ ซึ่งเป็นการแข่งขันรายการใหญ่อันดับ 2 ของโลก ที่สำคัญยังเป็น 1 ใน 48 รายการ โดยปีนี้มีก้านเหล็กไม่ต่ำกว่า 150 คน จาก 30 ประเทศทั่วโลก เดินทางมาแข่งขันชิงเงินรางวัล 1.75 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 63 ล้านบาท) นำโดยนักกอล์ฟชื่อดังเช่น มิเกล อังเคล ฮิมิเนซ, โยฮัน เอ็ด ฟอร์ด, แอนดรูว์ ดอดท์ โปรชาวออสเตรเลีย แชมป์เก่ารายการนี้ ที่จะมาประชันวงสวิงร่วมกับ "โปรช้าง" ธงชัย ใจดี นักกอล์ฟหมายเลข 1 ของเมืองไทย และ "โปรอาร์ม" กิรเดช อภิบาลรัตน์ ณ สนามแบล็คเมาท์เท่น กอล์ฟ คลับ หัวหิน พร้อมถ่ายทอดสดตลอดการแข่งขัน 10-13 มี.ค. 59 ทางทรู สปอร์ต เอชดี (ทรูวิชั่นส์ช่อง 666) และทรู สปอร์ต 5 (ทรูวิชั่นส์ช่อง 684) และถ่ายทอดสดในวันที่ 13 มี.ค. 59 เวลา 15.00 – 17.00 น. ทางช่องทรูโฟร์ยู ดิจิตอลฟรีทีวี ช่อง 24 (ทรูวิชั่นส์ช่อง 34) นอกจากนี้มีการถ่ายทอดสดไปยัง 223 ล้านครัวเรือน กว่า 50 ประเทศทั่วโลกให้ได้รับชมกันอีกด้วย”
นายวิเชฐ ตันติวานิช ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า “กีฬากอล์ฟเป็นอีกกีฬาหนึ่งที่มีความสำคัญ ที่ทางไทยเบฟได้ให้การสนับสนุนอย่างจริงจังเพื่อส่งเสริมวงการกีฬากอล์ฟไทยและนักกีฬาให้มีความก้าวหน้าไปในเวทีระดับโลก โดยได้จัดการแข่งขันพัฒนาและสนับสนุนโครงการกอล์ฟต่างๆ ทั้งโครงการของเยาวชนและนักกอล์ฟอาชีพไทยมาตลอด โดยล่าสุดได้จัดโครงการ ช้าง พีจีเอ ไทยแลนด์ทัวร์ โรดทู ทรู ไทยแลนด์ คลาสสิค 2016 พรีเซนต์เต็ด บาย ช้าง เพื่อเป็นการคัดเลือกนักกอล์ฟชาวไทย 16 คนเข้าร่วมการแข่งขัน กับนักกอล์ฟที่มีชื่อเสียงจากทั่วทุกมุมโลกในรายการระดับยูโรเปี้ยนทัวร์รายการนี้ ซึ่งถือเป็นรายการที่นักกีฬากอล์ฟไทยทุกคนใฝ่ฝันและต้องผ่านมาตรฐานการคัดเลือกขั้นสูงเพื่อให้ได้ก้าวสู่รายการการแข่งขันนี้ ถือเป็นครั้งสำคัญที่ทางไทยเบฟได้ร่วมกับกลุ่มทรูในการมอบสุดยอดโอกาสนี้ให้กับนักกอล์ฟไทย”
นายสกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า “ทางการกีฬาแห่งประเทศไทย ได้ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนกีฬาอาชีพมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดการแข่งขันที่เป็นระดับโลกที่เป็น เวิลด์ ซีรีส์ (World Series) อย่างเช่น การจัดการแข่งขัน "ทรู ไทยแลนด์ คลาสสิค 2016 พรีเซนต์เต็ด บาย ช้าง" เพื่อเป็นหนึ่งในทัวร์นาเม้นท “เรซ ทู ดูไบ” ซึ่งถือว่าเป็นรายการสูงสุดเพื่อชิงแชมป์ของยุโรป การที่ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพในการจัดงานครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสดีที่วงการกีฬาในประเทศได้มีโอกาสสัมผัสกับมาตรฐานการจัดกีฬาระดับโลก และยังเป็นการเปิดโอกาสให้กับนักกีฬากอล์ฟไทย ได้ร่วมเข้าแข่งขันกับนักกอล์ฟต่างชาติจากทั่วทุกมุมโลก ทั้งนี้ทางการกีฬาแห่งประเทศไทยมีแผนระยะยาวในการร่วมกับภาคเอกชนในการสนับสนุนการแข่งขันระดับเวิลด์ ซีรีส์ (World Series) ให้มากขึ้น เพื่อสนุบสนุนให้นักกีฬาไทยได้มีโอกาสได้สัมผัสประสบการณ์การแข่งขันระดับโลก อีกทั้งยังทำให้ชาวต่างชาติได้ประจักษ์ถึงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาระดับโลก และทำให้ทั่วโลกรับรู้ว่าประเทศไทยเป็นจุดหมายของการกีฬาเพื่อการท่องเที่ยว (Sport Tourism) อีกทางหนึ่งด้วย”
นายอภัยชนม์ วัชรสินธุ์ รองกรรมการผู้จัดการ ด้านประสานกิจการสัมพันธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ เปิดเผยว่า “เครือเจริญโภคภัณฑ์มีความภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการแข่งขันกอล์ฟแห่งประวัติศาสตร์ ยูโรเปี้ยน ทัวร์ ในประเทศไทยประจำปี 2559 ในรายการ “ทรู ไทยแลนด์ คลาสสิค 2016 พรีเซนต์เต็ด บาย ช้าง” ในการนี้เครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยโครงการซีพี สานฝัน ปันโอกาส (Just Believe In Your Dreams) ได้จัดให้มีการสานฝัน ปันโอกาสสู่นักกอล์ฟเยาวชนไทยและนักกอล์ฟไทย เพื่อเสริมประสบการณ์ที่เป็นระดับโลก สร้างแรงบันดาลใจ กระตุ้นเด็กและเยาวชนไทยให้สนใจการเล่นกีฬามากขึ้น ด้วยการมอบ 1 สิทธิพิเศษในการเข้าร่วมการแข่งขัน (Wild Card) แก่นักกอล์ฟอาชีพชาวไทยที่มีความสามารถและอุตสาหะได้ไปต่อในการแข่งขันในระดับโลก นอกจากนี้จะจัดให้นักกอล์ฟเยาวชนไทยคัดเลือกจากโครงการทรูวิชั่นส์ จูเนียร์ กอล์ฟ ทัวร์ ได้ร่วมกิจกรรม Pro-Am เล่นกอล์ฟกับนักกอล์ฟดังระดับโลกก่อนการแข่งขันจริง รวมถึงกิจกรรม AM-AM เล่นกอล์ฟตามรอยการแข่งขันระดับโลกหลังจบการแข่งขัน และยังมีกิจกรรม Golf Clinic อบรมเทคนิคการเล่นกอล์ฟจากโปรกอล์ฟระดับโลก เพื่อฝึกและพัฒนาทักษะการเล่นกอล์ฟให้เก่งยิ่งขึ้น”
สำหรับแฟนกอล์ฟที่สนใจเข้าชมการแข่งขันกอล์ฟยูโรเปี้ยนทัวร์ "ทรู ไทยแลนด์ คลาสสิค 2016 พรีเซนต์เต็ด บาย ช้าง" สามารถจองบัตรผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส ออลล์ ทิคเก็ต ในร้านเซเว่น อีเลเว่น หรือร้านค้าที่มีสัญลักษณ์เคาน์เตอร์เซอร์วิสทุกสาขาทั่วประเทศ หรือจองบัตรผ่านทางเว็บไซต์ที่ www.allticketthailand.com ราคาบัตร 1,200/ 800/ 400 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ 02 711 7788