เครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยมูลนิธิพัฒนาชีวิตชนบท จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) “CP-TRUE One Young World Summit 2015 Leaders Workshop 2” โดยพาเหล่าผู้นำรุ่นใหม่ ของเครือฯ และทรู (CP-TRUE) ที่จะเข้าร่วมประชุม “One Young World Summit 2015” ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 19-21 พฤศจิกายนนี้ มาศึกษาเรียนรู้การดำเนินงานด้านกิจกรรมเพื่อสังคมของเครือฯ ที่หมู่บ้านเกษตรกรรมหนองหว้า ต.บ้านช่อง อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อเปิดโลกทัศน์และมุมมองใหม่ในการช่วยเหลือสังคม รวมทั้งเป็นพลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป โดย คุณอภัยชนม์ วัชรสินธุ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านประสานกิจการสัมพันธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้ฉายภาพให้ผู้นำรุ่นใหม่ เห็นถึงกิจกรรมด้านสังคมของเครือฯ โดยเฉพาะโครงการหมู่บ้านเกษตรกรรมหนองหว้า ซึ่งเป็นโครงการ 4 ประสาน ภายใต้ความร่วมมือของภาคราชการ ภาคเอกชน (ซีพี) สถาบันการเงิน (ธนาคารกรุงเทพ) และเกษตรกร
หมู่บ้านเกษตรกรรมหนองหว้า เป็นโครงการที่เครือฯ ได้ตามรอยเบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในแนวพระราชดำริด้านการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร มาปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการจัดสรรที่ดินให้แก่เกษตรกรที่มีฐานะยากจน ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง ได้มีโอกาสประกอบอาชีพเลี้ยงสุกรควบคู่ไปกับการเพาะปลูก ภายใต้การดูแลและสนับสนุนด้านเทคโนโลยี และวิชาการจากซีพีเอฟ ภายใต้แนวความคิดการพัฒนาเกษตรกรรมแบบผสมผสาน ซึ่งวันนี้แนวคิดดังกล่าวได้รับการพิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จและทำได้จริง ทำให้เกษตรกรและครอบครัวมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น จากอดีตเคยอยู่อย่างแร้นแค้นไม่มีที่ดินทำกิน ไม่มีอาชีพ สามารถมีหลักทรัพย์และรายได้ที่เลี้ยงดูครอบครัวได้ ซึ่งถือเป็นต้นแบบให้กับทุกชุมชนในประเทศไทยได้พัฒนาผืนดินทำกินของตัวเองอย่างยั่งยืน
คุณอภัยชนม์ได้กล่าวทิ้งท้ายถึงความสำเร็จของหมู่บ้านเกษตรกรรมหนองหว้าในวันนี้ว่า “กว่าโครงการฯ จะสำเร็จมาจนถึงวันนี้ได้ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ โดยฝากให้ผู้นำรุ่นใหม่นำแนวคิดนี้ไปต่อยอด เพื่อพัฒนาและขับเคลื่อนสังคมให้เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นต่อไป”
ในช่วงบ่าย เหล่าผู้นำรุ่นใหม่ CP-TRUE ได้เรียนรู้กิจกรรมด้านสังคมของเครือฯ ภายใต้มูลนิธิพัฒนาชีวิตชนบท ผ่าน 5 ฐานการเรียนรู้ ประกอบด้วย 1. โครงการส่งเสริมอาชีพในหมู่บ้านสหกรณ์ ซึ่งเริ่มต้นจากการที่มูลนิธิฯ น้อมนำแนวพระราชดำริด้านการพัฒนาสหกรณ์ เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรร่วมกันทำงานและการพาณิชย์ตามแนวคิดการพัฒนา “หมู่บ้านสหกรณ์เกษตร” โดยเครือฯ ได้ส่งเสริมอาชีพเลี้ยงไก่ไข่ที่สหกรณ์การเกษตรหมู่บ้านสหกรณ์สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ตั้งแต่ปี 2520 และในปี 2540 ได้ร่วมดำเนินการพัฒนาสหกรณ์ควบคู่กับการพัฒนาศักยภาพเกษตรกรรวมทั้งปลูกจิตสำนึกรักษ์สหกรณ์แก่ลูกหลาน ต่อมาได้ขยายผลไปยังหมู่บ้านสหกรณ์ จ.เพชรบุรี ประจวบศีรีขันธ์ และอยุธยา
2. โครงการศูนย์ฝึกอาชีพเยาวชนเกษตร ซึ่งมูลนิธิฯ ได้รับอนุญาตจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ. เพชรบุรี ให้ใช้พื้นที่จัดตั้ง “ศูนย์ฝึกอาชีพเยาวชนเกษตร” เมื่อปี 2553 เพื่อดำเนินงาน 3 ด้าน ประกอบด้วย การสาธิตอาชีพเกษตรเชิงธุรกิจ, เป็นศูนย์เรียนรู้ ฝึกอบรม ถ่ายทอดเทคโนโลยี และเป็นหน่วยงานร่วมขยายผลของศุนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทราย
3. โครงการนักเรียนในพระราชานุเคราะห์ฯ โดยมูลนิธิฯ ได้น้อมรับพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ด้านการพัฒนาเด็กและเยาวชน ด้วยการสนับสนุนทุนการศึกษาต่อเนื่อง ปีละ 10 ทุน แก่นักเรียนศิษย์เก่าโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนให้มีโอกาสได้รับการศึกษาในระดับชั้น ม.1 - ม.6 หรือการศึกษาในสายอาชีพ ซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปีการศึกษา 2546 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน รวมจำนวน 12 รุ่น และมีนักเรียนที่ได้รับทุนการศึกษารวมทั้งหมด 114 คน
4. การเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน มูลนิธิฯ ได้น้อมรับแนวพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงห่วงใยในภาวะโภชนาการของเด็กนักเรียนและเยาวชน มาดำเนินโครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันแก่นักเรียน เพื่อส่งเสริมให้โรงเรียนผลิตอาหารโปรตีนให้เด็กนักเรียนได้รับประทานอย่างต่อเนื่อง โดยได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนดำเนินโครงการนี้มาตั้งแต่ปี 2533 จนถึงปัจจุบันมีโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 544 แห่ง
5. โครงการครอบครัวอุปการะ ซึ่งสร้างสรรค์และส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนผู้ด้อยโอกาสได้อยู่กับครอบครัวและชุมชน เพื่อให้ได้รับความรัก ความอบอุ่น ได้เรียนรู้ และมีพัฒนาการในทุกด้านที่สมวัย พร้อมทั้งได้รับการถ่ายทอดวัฒนธรรมที่ดีงาม จนเกิดเป็นความรัก ความผูกพัน ความเอื้ออาทร และเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจในการดำเนินชีวิต
มูลนิธิพัฒนาชีวิตชนบท ก่อตั้งโดยคณะผู้บริหาร และพนักงานของเครือเจริญโภคภัณฑ์ เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมรับแนวพระราชดำริ ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎรผู้ด้อยโอกาสในชนบท โดยมีเป้าหมายสร้างความดี 3 ประการ คือ “คนดี พลเมืองดี อาชีพดี”
ขณะที่อาจารย์วิจิตรวงศ์ ชนะรัตน์ ผู้บริหารอาวุโส ประจำสำนักประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า เครือฯ ให้การสนับสนุนด้านการศึกษาแก่เยาวชนของชาติอย่างต่อเนื่อง โดยดำเนินการโครงการทุนการศึกษาเครือเจริญโภคภัณฑ์ มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2522 ซึ่งที่ผ่านมาได้คัดเลือก นิสิต นักศึกษา สาขาวิชาเกษตรศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ สัตวแพทย์ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ นิเทศศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ บริหารธุรกิจ และคอมพิวเตอร์ ที่กำลังศึกษาในชั้นปีที่ 3-4 ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์เพื่อให้มีโอกาสได้ศึกษาเล่าเรียนจนสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี นอกจากนี้เครือฯ ยัง ได้ดำเนินการปรับปรุงอาคาร โรงเรียนเจียรวนนท์อุทิศ เพื่อให้นักเรียนมีสุขอนามัย และความเป็นอยู่ที่ดีอีกด้วย
หลังจากเสร็จสิ้นการเรียนรู้การดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมของเครือฯ มาเกือบมาทั้งวันแล้ว ตัวแทนผู้นำรุ่นใหม่ One Young World ของเครือฯ และทรู ได้นั่งรถรางชมหมู่บ้านเกษตรกรรมหนองหว้า เพื่อสัมผัสชีวิตเกษตรกรและเรียนรู้การทำงานจริงในหมู่บ้านเกษตรกรรมหนองหว้า โดยหนึ่งในผู้นำรุ่นใหม่ CP-TRUE พัชรชาลิสา ชวาลดิฐ (เป๊กกี้) เจ้าหน้าที่พัฒนาธุรกิจ Feed Ingredients Trading จาก ซีพีเอฟ ได้เล่าถึงความรู้สึกว่า การได้มาศึกษาดูงานที่หมู่บ้านเกษตรกรรมหนองหว้า และได้มารับทราบข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมเพื่อสังคมด้านต่างๆของเครือฯ ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการมุ่งมั่นที่จะทำตามเป้าหมายที่วางไว้เป็นอย่างมาก “แม้ว่าสิ่งที่ตั้งเป้าหมายไว้จะยากเพียงไร ก็สามารถทำได้ เพราะคิดว่าสิ่งที่เครือฯ ได้ช่วยเหลือสังคมเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่ก็สามารถฝ่าฟันทำให้สำเร็จได้ อาทิ หมู่บ้านเกษตรกรรมหนองหว้าที่เครือฯ ร่วมพลิกฟื้นผืนดินแห้งแล้งมาเป็นหมู่บ้านเกษตกรรมที่ประสบความสำเร็จ แม้จะต้องใช้เวลาหลายสิบปีก็ตาม”
ด้าน ทรัพย์สิรี ศรีไทย (ปั๊บ) HR Specialist C&B Management จาก บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ผู้นำรุ่นใหม่อีกหนึ่งท่านของ CP-TRUE กล่าวว่า รู้สึกประทับใจ Workshop ทั้งสองครั้งที่เครือฯ และทรู จัดขึ้นโดยเฉพาะการมาเยี่ยมชมหมู่บ้านเกษตรกรรมหนองหว้าในครั้งนี้ ทำให้ทราบถึงแนวทางการดำเนินงานด้านกิจกรรมเพื่อสังคมของเครือฯ รวมทั้งแนวคิดที่จะนำไปต่อยอด เพื่อช่วยพัฒนาสังคมให้ดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
“วันนี้เป็นโอกาสที่ดีที่ได้ทราบว่าเครือฯ ทำอะไร เพื่อสังคมบ้าง ทำให้ตนเองรู้สึกภาคภูมิใจที่ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทที่เห็นความสำคัญของการหยิบยื่นสิ่งดีๆ กลับคืนสู่สังคม” ทรัพย์สิรี กล่าวปิดท้าย