พูดกันจริงๆ ตลาดเครื่องสำอางมีคู่แข่งอยู่จำนวนมาก ผมจึงวางจุดยืนเป็นของตัวเองว่าเราไม่ต้องแข่งกับเจ้าใหญ่ เราเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ที่แก้ปัญหาเฉพาะตัว ที่ไม่มีในท้องตลาด จึงจะสู้ได้"
จากประสบการณ์ของหนุ่มใหญ่วัย 36 ปี "นิธิกร สิงห์สัตย์" กรรมการผู้จัดการ บริษัท มีสตางค์มีทรัพย์ จำกัด ที่ได้มีโอกาสไปดูงานด้านนวัตกรรมที่เกี่ยวกับเสริมความงามที่ประเทศฝรั่งเศส เมื่อครั้งที่เป็นวิศวกรด้านเคมีให้แก่บริษัทข้ามชาติแห่งหนึ่ง เมื่อปี 2554 ผสมผสานกับการที่เรียนจบปริญญาโทด้านเคมี และภรรยาทำธุรกิจด้านสปา จึงเป็นการจุดประกายที่ทำให้ตัดสินใจหันมาลงทุนด้านเครื่องสำอาง ภายใต้เครื่องหมายการค้า หรือแบรนด์ "โซลูชั่น" (Zolution) เน้นตลาดระดับกลางและตลาดล่าง เพื่อให้เด็กวัยเริ่มทำงานและสาวโรงงานเข้าถึงผลิตภัณฑ์ความงาม เวลาผ่านไปเพียง 2 ปี ยอดขายเติบโตอย่างก้าวกระโดดกว่า 150%
คงเข้าตำรา "ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง" คำพังเพยที่เปรียบเทียบให้เห็นว่า คนเราแม้เกิดมาหน้าตาไม่สะไม่สวย แต่ถ้ารู้จักการแต่งตัวให้เข้ากับยุคสมัย และเหมาะกับบุคลิกภาพ ก็ทำให้สวยขึ้นมาได้เช่นกัน และสำนวนนี้ดูเหมือนว่าจะใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวกับความสวยงาม โดยเฉพาะเครื่องสำอาง นับเป็นที่เป็นธุรกิจที่ “โตเงียบ” โดยเฉพาะประเทศไทยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมเครื่องสำอางโตอย่างมีนัยสำคัญ เฉลี่ยปีละ 10-20% จะเห็นได้จากปี 2011 หรือปี 2554 เป็นปีที่ นิธิกร กำลังจะตัดสินใจลงทุนผลิตเครื่องสำอาง วงการอุตสาหกรรมเครื่องสำอางของไทยมียอดขายถึงปีละกว่า 5 หมื่นล้านบาท และยอดส่งออกประมาณ 6,500 ล้านบาท จึงทำให้ธุรกิจประเภทนี้แม้จะเกิดขึ้นใหม่ก็มีโอกาสโตได้
ดุจเดียวกับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง "โซลูชั่น" ซึ่งเป็นเครื่องสำอางแบรนด์ไทย แม้จะเกิดมาท่ามการแข่งขันในธุรกิจ ทั้งที่มาจากต่างประเทศและผลิตในประเทศไทยค่อนข้างแรง แต่ โซลูชั่น ก็เติบโตมาอย่างเงียบๆ จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ เวลาผ่านไป 2 ปี ยอดขายขยายปีละกว่า 30 ล้านบาท ซึ่งนิธิกรมั่นใจว่า หลังจากอาเซียนรวมตัวเป็นหนึ่งเดียวภายใต้กรอบประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ยอดขายจะทะลุกว่า 100 ล้านบาทในอีก 2 ปีข้างหน้า เพราะเขามองเป้าขยายการตลาดในประเทศมุสลิม อย่างอินโดนีเซีย หลังจากได้ทดลองตลาดในประเทศเพื่อนบ้านอย่าง จีน เวียดนาม พม่า และ สปป.ลาว มาแล้ว
"ตอนที่ผมไปดูงานด้านนวัตกรรมที่เกี่ยวกับการเสริมความงามที่ประเทศฝรั่งเศส ผมได้พบเห็นว่า มีสารต่างๆ มากมายที่จะนำมาใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องเวชสำอาง กลับมาผมศึกษารายละเอียดต่างๆ พบว่า ธุรกิจด้านเครื่องสำอางเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และก้าวกระโดดด้วย จึงเป็นที่มาในการตัดสินใจหันมาลงทุนด้านการผลิตเครื่องสำอาง ในนามบริษัท มีสตางค์มีทรัพย์ จำกัด สร้างโรงงานย่านถนนรังสิต-นครนายก ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี" นิธิกร กล่าวถึงที่มาก่อนลงทุนด้านผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางภายใต้แบรนด์ โซลูชั่น ในวันนี้
นิธิกร เริ่มต้นธุรกิจเครื่องสำอางของเขาจากผลิตภัณฑ์ทาใต้วงแขน (รักแร้) อันเดอร์อาร์ม ไวท์เทนนิ่ง ในปี 2555 และขยายกิจการเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับความงามอีกหลายรายการในเวลาต่อมา เน้นผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรม สำหรับแก้ปัญหาเฉพาะจุด ขายในราคาถูก ล่าสุดผลิตภัณฑ์ใหม่ครีมชุด ไบรท์ เฟส ครีม สามารถคว้ารางวัล ครีเอเตอร์ อวอร์ดส์ จากการประกวดสุดยอดนวัตกรรม เซเว่น อินโนเวชั่น อวอร์ด 2015 ด้วย ทำให้ยอดขายพุ่งอย่างก้าวกระโดด จากเดือนแรกที่ขายได้ 2,000 บาท เวลาผ่านไป 2 ปี มียอดขายกว่า 30 ล้าน และมั่นใจสิ้นปี 2558 จะมียอดขายกว่า 60 ล้านบาท
"ช่วงแรกต้องยอมรับว่า เรายังโนเนม ไม่มีใครรู้จัก เงินทุนก็น้อย ขณะที่คู่แข่งมีจำนวนมาก ผมต้องหลีกเลี่ยงในการแข่งกับเจ้าเก่าและรายใหญ่ เน้นสร้างทางเลือกใหม่ เป้าหมายลูกค้าระดับล่าง ที่มีรายได้น้อย อาทิ นักศึกษา สาวโรงงาน ช่วงแรกต้องอาศัยเดินขายบ้าง แจกบ้าง ออกบูธบ้างเพื่อให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่วางไว้คือ ตลาดกลาง และตลาดล่าง เน้นให้ทดลองใช้โดยตรง พอได้ผลมีการบอกต่อ กระทั่งได้มีโอกาสนำผลิตภัณฑ์เข้าไปจำหน่ายผ่านนิตยสารเซเว่นแค็ตตาล็อก ในปีเดียวกันคือ ปี 2555 และทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง เว็บไซต์ช็อปปิ้งออนไลน์ ทำให้ยอดขายพุ่งขึ้นถึง 150% จากที่เดือนแรกขายได้เพียง 2,000 บาทเท่านั้น" นิธิกร เล่าถึงการบุกเบิกตลาดในยุคแรกจนถึงปัจจุบัน
ท่ามกลางการแข่งขันผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง โซลูชั่น เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น ประกอบกับได้ส่งผลิตภัณฑ์เข้าประกวดผลงานนวัตกรรมต่างๆ จนได้รับรางวัล ทำให้ผู้บริหารทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง ของซีพี ออลล์ ได้แนะนำให้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นการดูแลผิวหน้าเข้ามาจำหน่าย เพื่อเพิ่มทางเลือก ล่าสุดได้พัฒนาผลิตภัณฑ์เพิ่ม พร้อมๆ กับการขยายตลาดในต่างประเทศด้วย อาทิ จีน ลาว เวียดนาม และพม่า ภายใต้แบรนด์ใหม่ "ทานิดา" ขณะเดียวกันกำลังมีการพัฒนาขยายผลิตสินค้าใหม่ๆ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางฮาลาล สำหรับการส่งออกไปยังประเทศมุสลิมถือเป็นการรองรับตลาดเออีซีด้วย เนื่องจากมีประเทศสมาชิกที่เป็นประเทศมุสลิมอย่าง มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เป็นต้น
“พูดกันจริงๆ ตลาดเครื่องสำอางมีคู่แข่งอยู่จำนวนมาก ผมจึงวางจุดยืนเป็นของตัวเองว่า เราไม่ต้องแข่งกับเจ้าใหญ่ เราเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ที่แก้ปัญหาเฉพาะตัว ที่ไม่มีในท้องตลาดจึงจะสู้ได้ ผมจึงทำผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมสำหรับแก้ปัญหาเฉพาะจุด ค้นหาข้อมูลจากงานวิจัยต่างๆ เพื่อหาสารสกัดที่น่าสนใจ เราจึงจะอยู่ได้ สินค้าเราไม่แพง อย่างบรรจุซองเราขายเพียงซองละ 39 บาท สาวโรงงานมีกำลังซื้อในราคานี้ จุดที่เราขายคือ ร้านเซเว่นฯ เป็นตลาดหลัก ซึ่งทุกคนก็แวะอยู่แล้ว"
ที่จริง นิธิกร เริ่มต้นธุรกิจนี้ด้วยเงินทุนแค่หลักหมื่นบาท แต่ปัจจุบันเขาต้องผลิตเครื่องสำอางประเภทครีมเดือนละ 10-15 ตัน ขายทั้งแบรนด์ตัวเอง และรับจ้างผลิต (โออีเอ็ม) ให้กว่า 100 ราย รวมถึงส่งออกไปต่างประเทศ ในจำนวนนี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่บรรจุซอง 1-1.5 ตันต่อเดือน และนับวันจะขยายเพิ่มขึ้น ตรงนี้ทำให้เขามั่นใจว่า ยอดขายรวมปีที่แล้ว (2557) มีมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท จะเติบโตได้กว่า 60% ในปีนี้ และจะทะลุปีละกว่า 100 ล้านบาท ภายในอีก 2 ปีข้างหน้า
นับเป็นผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ที่ท้าทายความเสี่ยง เนื่องจากผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางอยู่ในภาวะที่มีการแข่งขันสูง ทั้งที่เป็นผลิตภัณฑ์นำเข้า และแบรนด์ของคนไทย แต่เพียง 2 ปีเศษเท่านั้น ก็พิสูจน์ได้ว่า "โซลูลั่น" เป็นเครื่องสำอางน้องใหม่ที่มีอนาคตสดใส
สารพัดอาชีพก่อนเป็นเจ้าของธุรกิจ
นิธิกร สิงห์สัตย์ ปัจจุบันอายุ 36 ปี จบปริญญาตรีเกียรตินิยมทางด้านเคมีโดยตรง และจบปริญญาโทวิทยาลัยปิโตรเลียมและปิโตรเคมี In Academic Partnership With The University of Michigan, The University of Oklahoma and Case Western Reserve University หลังจากเรียนจบแล้วออกมาหาประสบการณ์ด้วยการตระเวนขายสินค้าต่างๆโดยเฉพาะเสื้อผ้าตามตลาดนัด อาทิ ตลาดปัฐวิกรณ์ หมู่บ้านพฤกษชาติเป็นต้น เป็นเวลา 1 ปีแล้ว ตรงนี้ได้เรียนรู้ถึงวิธีการค้าขายได้พอสมควร จากนั้นจึงเบนสู่พนักงานบริษัทเอกชน เริ่มจากวิศวกรด้านเคมี จนมีประสบการณ์บริหารระดับสูงในบริษัทข้ามชาติ
ในระหว่างประกอบกิจการเครื่องสำอางของตัวเอง เขาได้รับเชิญเป็นอาจารย์พิเศษในมหาวิทยาลัยหลายแห่ง และหน่วยงานราชการ, รัฐวิสาหกิจต่างๆ รวมถึงหน่วยงานเอกชน ที่ได้ไปบรรยายเกี่ยวกับสินค้านวัตกรรมต่างๆ อีกด้วย โดยมีผลิตภัณฑ์แรก ภายใต้แบรนด์โซลูชั่น คือ Under Arm Whitening Cream (ผลิตภัณฑ์ทาใต้วงแขน) ซึ่งจัดเป็นนวัตกรรมใหม่ที่เป็นครีมเฉพาะทางแบรนด์แรกที่ขายลงในกลุ่มโมเดิร์นเทรดเป็นตัวอย่างด้วย
สำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางภายใต้แบรนด์ "โซลูชั่น" ของ บริษัท มีสตางค์มีทรัพย์ จำกัด ชิ้นแรกเป็นผลิตภัณฑ์ทาใต้วงแขน (รักแร้) อันเดอร์อาร์ม ไวท์เทนนิ่ง ขายในราคา 219 บาท ต่อมามีการพัฒนาออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่อีกหลายรายการ อาทิ ครีมชุด ไบรท์ เฟส ครีม เน้นเฉพาะจุด อย่างฝ้าบนใบหน้า บรรจุซอง ขายในราคาซองละ 39 บาท ล่าสุดเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางฮาลาล 100% ที่ถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลามทุกประการ เป็นต้น
ยอมรับเป็นน้องใหม่มาแรง
นายอำพา ยงพิศาลภพ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง จำกัด บริษัทในกลุ่มซีพี ออลล์ บอกว่า การที่ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางโซลูชั่นมาจำหน่ายผ่านช่องทางทางนิตยสารเซเว่นแค็ตตาล็อก และวางในร้านเซเว่นฯ เมื่อ 2 ปีก่อน เป็นการเข้ามาเหมือนกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั่วไป ที่ผ่านการพิจารณาตามขั้นตอนโดยไม่มีสิทธิพิเศษใดๆ ทั้งสิ้น แต่ยอมรับว่า เป็นผลิตภัณฑ์ที่มาแรงมาก มีลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีอนาคตไกลอีกชนิดหนึ่ง
นายอำพาบอกด้วยว่า ปกติบริษัทมีนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนสินค้าทั่วไปและสินค้านวัตกรรม จากผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กหรือเอสเอ็มอีที่ผลิตสินค้าคุณภาพได้มาตรฐานและเป็นที่นิยมจากประชาชนอยู่แล้ว โดยบริษัทจะเป็นช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้แก่ผู้ประกอบการเหล่านี้ เพื่อส่งตรงถึงมือผู้บริโภคทั่วประเทศผ่านช่องทางที่หลากหลายของทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง อาทิ นิตยสารเซเว่นแค็ตตาล็อก, เว็บไซต์เซเว่นแค็ตตาล็อก แอพพลิเคชั่น, เคเบิลทีวี, ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น กว่า 8,200 สาขาทั่วประเทศ ปัจจุบันมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีนำสินค้าเข้ามาจำหน่ายผ่านทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง มากกว่า 2 หมื่นรายการ รวมถึงผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางโซลูชั่นอีกด้วย
ที่มา : คม ชัด ลึก